xs
xsm
sm
md
lg

อยากให้ลูกเรียนรู้คุณค่า‘วันแม่’แบบไหน ?/ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“Your arms were always open when I needed a hug.
Your heart understood when I needed a friend.
Your gentle eyes were stern when I needed a lesson.
Your strength and love has guided me and gave me wings to fly.”
- Sarah Malin

อ้อมกอดของแม่อ้ากว้างเสมอเมื่อลูกต้องการ
หัวใจของแม่เข้าใจลูกเสมอเมื่อลูกต้องการเพื่อนที่เข้าใจ
ดวงตาอ่อนโยนของแม่ดูเข้มงวดทุกครั้งเมื่อลูกต้องการบทเรียน
ความเข้มแข็งและความรักของแม่คอยประคองและให้ปีกลูกได้โบยบิน
……………………………………
คำคมข้างต้นที่ถ่ายทอดความรักของแม่ ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีคำคมเกี่ยวกับวันแม่มาเพียบ
เพราะบรรยากาศรอบตัวช่วงนี้ล้วนเป็นบรรยากาศของวันแม่ ซึ่งเชื่อว่ายังจะคงตลบอบอวลไปตลอดทั้งเดือนสิงหาคม
รวมไปถึงคนเป็นแม่ที่มีลูกวัยเรียนส่วนใหญ่จะต้องไปร่วมกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียน
และมักจะจบลงด้วยข้อถกเถียงเรื่องกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนแทบทุกปี
ปีนี้วันแม่เพิ่งผ่านพ้นไป บางกระแสบอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้โรงเรียนจัดกิจกรรมวันแม่ ถึงขั้นมีการรณรงค์ให้งดกิจกรรมวันแม่ เพราะมีเด็กหลายคนที่ไม่มีแม่ หรือแม่ไม่สามารถไปร่วมงานได้ สงสารเด็ก อาจจะกลายเป็นปมในใจเด็กตลอดไป ในขณะที่บางกระแสบอกว่าการจัดกิจกรรมวันแม่เป็นเรื่องที่ดี ควรจะต้องมีต่อไป
จะว่าไปแล้ว ส่วนตัวดิฉันคิดว่าการจัดงานวันแม่เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าจัดกิจกรรมอะไรต่างหาก !
ในอดีตเมื่อครั้งเรายังเป็นเด็ก อย่างมากคุณครูก็จะให้เราเลือกเขียนการ์ดวันแม่หรือทำอะไรเล็ก ๆ ด้วยฝีมือของเราเพื่อมอบให้คุณแม่ ถ้ามีกิจกรรมที่โรงเรียนก็จะเป็นลักษณะการจัดบอร์ดนิทรรศการ ร้อยมาลัย หรือเขียนเรียงความ ฯลฯ โดยไม่ได้มีแม่ไปที่โรงเรียน แต่ให้ลูกทำแล้วนำไปมอบให้แม่ในภายหลัง ซึ่งแค่นี้คนเป็นแม่ก็หัวใจพองโตกันแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้รูปแบบของกิจกรรมวันแม่ต่างหากที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง !
กิจกรรมวันแม่ไม่ว่าจะที่โรงเรียน บ้าน ชุมชน หรือที่ไหน ๆ มักจะอลังการ และเน้นเรื่องพิธีกรรมซะมาก ยิ่งบางแห่งเน้นรูปแบบอีกต่างหาก ประมาณว่าต้องซึ้ง หรือมีดราม่าน้ำตาไหลเข้าไปอีก
ผนวกกับการถูกกระตุ้นให้บอกรักแม่ด้วยวัตถุอีกด้วย !
หลายปีมานี้ ช่วงก่อนเข้าสู่เดือนสิงหาคม มักจะได้รับทั้งโบชัวร์ อีเมล สื่อออนไลน์แทบจะทุกชนิด เพื่อแจ้งถึงโปรโมชั่นช่วงเดือนสิงหาคมที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการตลาด หรือขายสินค้าเพื่อบอกรักแม่ เช่น โปรโมชั่นร้านอาหารเมื่อพาแม่ไปด้วยได้กินฟรี, พาแม่ไปดูหนังฟรี, ที่พักราคาถูกเพื่อแม่, บอกรักแม่ด้วยสารพัดสินค้า ตั้งแต่ของกินยันเครื่องเพชร ฯลฯ
เชื่อไหม..ว่าได้ผลด้วย
เอาแค่เรื่องร้านอาหาร ใครที่เคยพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้านในวันแม่ จะพบว่าร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะเต็ม ถ้าใครไม่ได้จองล่วงหน้า มีความเสี่ยงมากที่จะไม่ได้รับประทานอาหารที่ร้านนั้น
หรือแม้แต่บรรดาห้างร้านที่จัดโปรโมชั่นพาแม่เที่ยวหรือกินฟรี ก็ดูเหมือนจะพบเห็นผู้คนมากมายที่แห่ไปใช้บริการกันแน่นขนัด
เรียกว่าวันแม่ยุคนี้เข้าสู่ยุคการตลาดนำแทบจะเต็มรูปแบบ
กลายเป็นว่าการตลาดเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมผู้บริโภค บรรดาผู้ประกอบการก็ต้องคิดกิจกรรมข้ามปีเพื่อกระตุ้นผู้บริโภค หรือทำกิจกรรมพิเศษเพื่อแม่ขึ้นมา จนกำลังจะกลายเป็นว่า เมื่อลูกจะทำอะไรให้แม่ต้องขึ้นอยู่กับงานอีเว้นท์นั้นๆ ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หรือต้องมีคนบอกให้เราทำ
จริงอยู่มองดูผิวเผินน่าจะดีที่มีการส่งเสริมกิจกรรมเรื่องวันแม่ เป็นการส่งเสริมให้เราคิดถึงแม่ รักแม่ กอดแม่ หรือซื้อของให้แม่ พาแม่ไปเที่ยว
แต่ทุกอย่างเราถูก “กระตุ้น” ให้รักแม่ด้วยวัตถุหรือเปล่า...!!
บางทีเราอาจลืมนึกถึงคุณค่าและความหมายที่แท้จริงของวันแม่ และสิ่งที่ควรจะทำให้แม่แบบมีความหมาย
เราแสดงความรักต่อแม่แค่กระแสหรือไม่ !
แล้วชีวิตปกติที่เหลืออยู่ 364 วัน เราเป็นลูกแบบไหนกัน น่าจะสำคัญกว่ามิใช่หรือ !
เราใส่ใจท่านไหม เราปล่อยปละละเลยท่านหรือเปล่า ทอดทิ้งท่านให้อยู่คนเดียวหรือไม่ หรือแม้แต่ไม่สนใจ ตะคอกท่าน เถียงคำไม่ตกฟาก ฯลฯ ไหม ?
ความจริงคนที่เป็นแม่ของลูกในวันนี้ คงลิ้มรสชาติและเข้าใจดีว่าคนเป็นแม่รู้สึกอย่างไร
คนเป็นแม่ไม่ได้ต้องการสิ่งของหรือวัตถุใด ๆ มากไปกว่าการได้อยู่ด้วยกันกับลูก การได้รับอ้อมกอด หรือการได้รับการใส่ใจจากลูกในชีวิตปกติ
สิ่งที่แม่อยากได้จากลูก ไม่ใช่สิ่งของราคาแพง ไม่ใช่การพบเจอกันเพียงวันแม่วันเดียว แต่สิ่งที่แม่ต้องการอาจเป็นความเรียบง่าย แม่ไม่ได้ต้องการวัตถุสิ่งของมากไปกว่าการแสดงออกของความรักที่ลูกมีต่อแม่ การมีเวลาให้กัน การได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน การสร้างรอยยิ้มร่วมกัน ฯลฯ แบบปกติ
ยิ่งถ้าเป็นสิ่งที่ลูกตั้งใจทำเพื่อแม่ สิ่งนั้นจะมีคุณค่าอยู่กับแม่ตลอดไป
ฉะนั้น เรื่องการจัดกิจกรรมวันแม่ ควรต้องตอบโจทย์เหล่านี้ให้ได้ด้วย
การทำกิจกรรมวันแม่มีได้หลากหลายรูปแบบ เพียงแต่ที่ผ่านมา เรายึดถือปฏิบัติตาม ๆ กันหรือเปล่า เช่น ปรากฏการณ์ร้านอาหารจำนวนมากคนแน่นมากในวันแม่ เพราะผู้คนส่วนใหญ่จะพาแม่ไปกินอาหารนอกบ้าน หรือการกราบแม่ในวันแม่ ก็เพิ่งกลายเป็นกระแสเมื่อไม่นาน ที่ผู้คนจะพาลูกหลานไปกราบแม่
ความจริงเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ต้องเป็นเฉพาะวันแม่เท่านั้นหรือ ?
เรื่องกิจกรรมวันแม่ที่โรงเรียนควรคำนึงถึงสิ่งที่จะทำได้ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กที่ไม่มีแม่ หรือแม่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าโรงเรียนนั้น ๆ มีทัศนคติต่อการจัดกิจกรรมวันแม่แบบไหน และต้องการให้เด็กเรียนรู้อะไรจากกิจกรรมวันแม่
โรงเรียนต้องออกแบบวิธีคิดด้วย เช่น คำว่า “แม่” ในความหมายที่กว้าง ก็ควรขยายความที่ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่แม่ที่ให้กำเนิดเท่านั้น เพราะรูปแบบครอบครัวในยุคปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไปมาก มีเด็กจำนวนมากที่ยาย ย่า หรือป้าเป็นผู้เลี้ยงดู หรือแม้แต่เด็กอยากนึกถึงแม่ของเพื่อน แม่ไอดอล ฯลฯ ซึ่งสุดแล้วแต่ว่าเด็กอยากจะระลึกนึกถึง หรือบอกเล่า หรือเขียนถึงใครที่เขาคิดว่าเป็นความทรงจำหรือเรื่องราวเมื่อได้นึกถึงผู้นั้น
แม้แต่คุณครูก็อาจเป็นแม่ของเด็กคนนั้นได้เช่นกัน
กรณีอยู่ที่บ้าน ก็สามารถแสดงสัญลักษณ์รักแม่ในรูปแบบอื่น ๆ ก็ได้ เช่น การใช้เวลาร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะถ้า 364 วัน คุณไม่ได้สนใจหรือใส่ใจแม่เลย แต่มากราบเท้าแม่ในวันแม่เท่านั้น คุณคิดว่าแม่จะดีใจแบบไหนมากกว่ากัน
สิ่งที่ควรทำให้แม่ไม่ใช่แค่วันเดียว หรือเน้นแค่รูปแบบ หรือวัตถุ แต่เป็นคุณค่าจากใจลูกต่างหากที่แม่ต้องการ และสัมผัสได้
เชื่อไหม..วันนี้เราให้คุณค่าวันแม่แบบไหน เด็กก็จะได้แบบนั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น