หากเอ่ยถึงจังหวัดเลย คนส่วนใหญ่จะนึกถึง อุทยานแห่งชาติภูเรือ ภูกระดึง เชียงคาน การละเล่นผีตาโขน แต่ยังมีชุมชนแห่งหนึ่งที่น่าสนใจที่อยากแนะนำให้ผู้ที่ชื่นชอบเที่ยวแบบชิลๆ สัมผัสบรรยากาศวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้าน นั่นก็คือชุมชนบ้านนาบอน อ.เมือง จ.เลย ซึ่งบ้านนาบอนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนคุณธรรม น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่กระทรวงวัฒนธรรม ดำเนินการ ในปัจจุบันมีชุมชนทั่วประเทศเข้าร่วมกว่า 2 หมื่นชุมชน
การเที่ยวชุมชนบ้านนาบอนครั้งนี้ นางมะลิวัลย์ โพธิเศษ ผู้ใหญ่บ้านนาบอน ทำหน้าที่มัคคุเทศก์พา นายกฤษศญพงษ์ ศิริ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร นั่งรถไถนาไปชมต้นเซียงใหญ่ หรือ ต้นผึ้ง ยวนผึ้ง อยู่ในป่าสาธารณประโยชน์บ้านนาบอน ซึ่งต้นเซียงใหญ่ต้นนี้ เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองเลย อายุประมาณ 150 - 200 ปี มีลำต้นใหญ่เส้นรอบวงประมาณ 22 เมตร ที่สำคัญได้ขึ้นบัญชี “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” แล้ว ถ้าแหงนหน้ามองตามกิ่งก้านใบไม้ที่เขียวขจีของต้นเซียงใหญ่จะเห็นรังผึ้งจำนวนมากที่ผึ้งอาศัยทำรัง เพราะผึ้งคงรู้ด้วยสัญชาติญาณว่าปลอดภัยไม่มีใครทำร้ายอย่างแน่นอน
ผู้ใหญ่บ้านนาบอน เล่าว่า นับตั้งแต่กระทรวงวัฒนธรรม ขึ้นบัญชีต้นเซียงใหญ่เป็นรุกขมรดกของแผ่นดิน ทำให้ชาวบ้านตื่นตัว ประกอบกับรัฐบาลปลดล็อกให้ปลูกต้นไม้เศรษฐกิจได้ คนในชุมชนได้ไปขอกล้าไม้เศรษฐกิจจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มาปลูกในพื้นที่ป่าสาธารณะของชุมชน รวมถึงพื้นที่ของชาวบ้านด้วย มั่นใจว่าอีกไม่นานพื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้จะสร้างความร่มรื่นให้ผู้มาเยือนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ที่จะมาชมต้นเซียงใหญ่ จะได้ไม่เหยียบสวนสมุนไพรบริเวณรอบต้นเซียงใหญ่ ชาวบ้านจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขัวแตะ หรือสะพานไม้ไผ่ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินด้วย พร้อมทั้งทำมุมไว้ให้แซะ ถ่ายภาพเก็บบรรยากาศร่มรื่นสวยงามกลับไปเป็นที่ระลึกด้วย ส่วนสมุนไพรที่ปลูก มีเตยหอม แก้บำรุงหัวใจ ดับพิษไข้ ชูกำลัง, กระไดลิง แก้พิษต่างๆ ขับเหงื่อ, เปล้าใหญ่ บำรุงโลหิตระดู แก้น้ำเหลืองเสีย, ไพล ขับลม แก้ปวดเมื่อย ฯ และอื่นๆ อีกมากมาย
"ปัจจุบันต้นเซียงใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่นับสิบๆ ต้น ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมพืชสมุนไพร ที่ชาวบ้านนาบอนได้ร่วมกันอนุรักษ์ไว้รุ่นสู่รุ่นนั้น ขณะนี้ได้เป็นแหล่งศึกษาพืชพันธุ์ป่าชุมชน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าในเขตเมืองเลยอีกด้วย"
จากนั้นก็นั่งรถไถนาไปดูโรงสีชุมชน กลุ่มแม่บ้านทอผ้า ดูวิถีการปลูกข้าว การเผาขาวหลาม ต่อมาได้เดินทางไปวัดโพธิ์ชัย มีพระปางนาคปรก เพื่อมากราบไหว้ขอพร ส่วนบริเวณลานวัด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชน งานบุญ งานประเพณี งานวัฒนธรรมชาวบ้านมารวมตัวกันทำกิจกรรม นำองค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาถ่ายทอดให้กับผู้สนใจ เช่นศิลปะการทำหมากเบ็ง พานพุ่มดอกไม้ใช้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แกะสลัก ฉลุ ต้นปราสาทผึ้ง สำหรับใช้ในขบวนแห่เทศกาลออกพรรษา ทั้งนำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายให้ผู้มาเที่ยวได้เลือกซื้อหาติดไม้ติดมือกลับบ้านหรือเป็นของฝาก
ผู้ใหญ่มะลิวัลย์ เล่าให้ฟังว่า หากมากราบพระพุทธรูปในโบสถ์ วิหาร ในวันพระและวันสำคัญๆ ทางพระพุทธศาสนา จะเห็นพานพุ่มดอกไม้ตั้งเรียงรายจำนวนมาก เพราะชาวบ้านเชื่อกันว่า การนำพานพุ่มดอกไม้มาถวายเพื่อขอพรให้คนในครอบครัวปราศจากโรคภัย มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้น จะมีการถ่ายทอดการทำพานพุ่มดอกไม้รุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตาม ถ้ามีงานวัดและอื่นๆ จะเชิญแม่เฒ่ามาสอนการทำให้ผู้ที่สนใจด้วย เป็นการอนุรักษ์ไม่ให้สูญหาย
จากการลงพื้นที่สังเกตพบว่า ชาวบ้านนาบอนใช้ชีวิตเรียบง่าย นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำรงชีพ มีโรงสีข้าวชุมชน กลุ่มแม่บ้านทอผ้า นอกจากนี้คนในหมู่บ้านมีการรวมกลุ่มหรือชมรม ทำสมุนไพรสกัดตะไคร้หอมกันยุง ป้องกันไข้เลือดออกของคนในชุมชน อีกทั้งมีการส่งเสริมเกษตรในครัวเรือนด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้พร้อมทั้งยังได้มีการแลกเปลี่ยนแบ่งปันให้เพื่อนบ้านด้วย มีการส่งเสริมจัดการขยะเปียกเพื่อนำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ จัดโครงการงานศพปลอดเหล้า ก่อให้เกิดกลุ่มประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ การทำของที่ระลึกงานมงคลและอวมงคล ซึ่งคนในชุมชนอุดหนุนสินค้าชุมชนด้วยกันแล้ว ยังได้ขยายผลจำหน่ายนอกชุมชนและนักท่องเที่ยวด้วย
ใครมาจังหวัดเลย อยากเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งรถไถนาที่คัดแปลงไว้บริการนักท่องเที่ยว เพื่อชมต้นเซียงใหญ่และยลวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านนาบอน มีรถไถนาจอดอยู่ที่บริเวณวัดโพธิ์ชัย