มองไม่เห็นแต่รับรู้

มีคำถามชวนคิดในหมู่นักวิทยาศาสตร์ ช่างสอดคล้องที่จะนำมาคิดในเรื่องชีวิตจริงเป็นยิ่งนัก

คำถามนั้นถามว่า "ถ้ามีต้นไม้ต้นใหญ่โค่นล้มในป่าแล้วไม่มีใครได้ยิน ป่าแห่งนี้ถือว่ายังมีเสียงหรือไม่" คำตอบคือ "ไม่" หากคิดในมุมมองของมนุษย์เมื่อไม่ได้ยินเสียงก็คิดว่าไม่มีเสียง

แต่ถ้ามองในมุมมองวิทยาศาสตร์ก็ยังถือว่ามีเสียงอยู่ หากเสียงคืออนุภาคพลังงาน กระนั้นก็ตามในการใช้ชีวิตเรามักจะมองสิ่งต่าง ๆ รอบตัวตามประสาทสัมผัสของมนุษย์เราอยู่แล้ว

หลายครั้งที่เรามองว่า สิ่งต่าง ๆ น่าจะเป็นอย่างนั้น ต้องเกิดแบบนี้ หรือ "ฉันทำไม่ได้แน่ ๆ ฉันไม่มีปัญญา" เราคิดและประเมินสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตามความสามารถอันจำกัดของมนุษย์ว่าเรา "ทำไม่ได้" "ไม่มีจริง" "ล้มเลิกซะ"

มีสิ่งต่าง ๆ มากมายในโลก ที่มีจริง แต่เราไม่มีโอกาสได้รับรู้ เป็นเพราะเรามีข้อจำกัดในการรับรู้มัน และสิ่งที่น่าสนใจคือไม่นานมานี้ มีนักประสาทวิทยาคือ ด็อกเตอร์ ปีเตอร์ เฟนวิค ได้เปิดเผยผลงานวิจัยที่ทำมาตลอด50 ปีพบว่า สติสัมปชัญญะ คือคลื่นธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเรา เฉกเช่นเดียวกับ คลื่นแสง สี เสียง และแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นพลังงานที่มีอยู่แล้วในโลก ต้องอาศัยตัวกรองมนุษย์เราจึงจะรับรู้มันได้

เราได้ยินเสียงเพราะหูรับคลื่นเสียงได้ช่วงความถี่หนึ่ง ๆ และส่งไปยังสมอง จึงรับทราบว่านั่นคือ "เสียง" ทั้งนี้แต่ละคนมีความสามารถในการรับรู้เสียงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของตัวกรองคือ "หู" แต่ทั้งนี้ในกรณีที่หูหนวก หรือไม่ได้ยิน ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีคลื่นเสียงอยู่ในโลก เพียงแต่เราไม่ได้ยินแค่นั้นเอง

เฉกเช่นเดียวกับ พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นแสงต่างๆ หรือภาพที่มนุษย์เห็น ด้วย "ตา" เรามีความสามารถในการรับคลื่นแสงบางช่วงความถี่เท่านั้น นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องมีเครื่องมือเพื่อใช้ค้นหารังสี X-ray, Infrared หรือรวมทั้ง Microwave

ดังนั้นสิ่งที่เรามองเห็น และได้ยิน มันอาจไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป หรืออาจจะมีความจริง แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด เพราะข้อจำกัดต่างของเรา รวมถึง "สมอง"

สมองคนเรา นั้นไม่ได้เกิดมาพร้อมกับสติสัมปะชัญญะ แต่สมองเป็นตัวกรองสติสัมปชัญญะ และสามารถรับคลื่นพลังสติ (Consciousness)ได้ โดยการตั้งใจรับรู้ นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์ออกมาว่า สติเป็นพลังงานที่มีอยู่แล้วในโลก หากเราอยากมีสติสัมปชัญญะมาก ๆ อยากเป็นคนเข้าใจ เราต้องฝึกสมอง เปิดใจ ตั้งใจ ขจัดความหลงตัวเอง การจองหอง เราจะได้รับคลื่นสติมากมายเข้าไปในสมองและเอามาพัฒนาชีวิตของเรา

อาจจะมีหลายครั้งที่เรานั่งฟัง โดยไม่ใส่ใจ หลายครั้งที่เรามองผ่าน ๆ หรือมองข้ามใครบางคนเราจึงไม่ใช่สติที่จะหยุดทำความเข้าใจให้เกิดปัญญา เราอาจได้พบคนที่ดีแล้วแต่เราไม่เปิดโอกาสให้ตัวเราเองได้รับรู้ โดยเราอาจลืมไปว่า ความงดงามของสิ่งที่เราเห็นจริง ๆ แล้วมาจากความงดงามในตัวเราเอง ที่จะเปิดรับ พลังสติมีอยู่มากมายรอบตัวเรา รอการรับรู้ของเรา นอกจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ยังได้ค้นพบต่อไปอีกถึงขั้นว่า แม้ว่ามนุษย์จะหมดลมหายใจไป พลังคลื่นแสง สี เสียง และพลังสติก็ยังดำรงต่อไปอยู่ในโลก (Source: Does Consciousness Outside the Brain?) และอาจเป็นไปได้ว่ามวลของมนุษย์หลังการตายอาจไปรวมกับพลังสตินั้น ซึ่งอันนี้ยังคงต้องค้นคว้ากันต่อไป (Clifford N. Lazarus Ph.D)

ยังมีประสบการณ์และเรื่องมีประโยชน์กับเรามากมายในโลกใบนี้ ที่เราน่าจะมีโอกาสจะได้รับรู้ผ่านทางสมองของเรา ขอแค่เราตั้งใจ เปิดรับ แม้จะมีข้อจำกัดทางโสตวิสัยทัศน์ของมนุษย์ แต่เราสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปพัฒนาให้เกิดปัญญาในการพัฒนาโลกใบใหญ่ของเราต่อไป

ครูฮ้วง

-----------------

ครูฮ้วง-เสาวลักษณ์ ลี้รุ่งเรืองพร เจ้าของสถาบัน Campus Genius Center ผู้สอนหลักสูตรติวเข้มเพื่อการสอบ SAT ด้วยแนวคิดแบบ Critical Thinking ที่ช่วยให้นักเรียนสามารถยื่นคะแนนเข้าเรียน และประสบความสำเร็จในการเรียนคณะอินเตอร์ทั้งในและต่างประเทศ