สภาวิศวกร เผยคนรุ่นใหม่เรียน "วิศวกรรม" น้อยลง จบการศึกษาปีละ 33,000 คน ขอใบอนุญาตวิชาชีพแค่ 7,000 คนต่อปี ห่วงเป็นวิชาชีพขาดแคลนในอนาคต มีไม่ถึงร้อยละ 5 จัดเวทีรับฟังความเห็นปฏิรูปวิศวกร ชี้ ต้องทันการเปลี่ยนแปลง ใช้ความรู้ต่อยอดเทรนด์โลกได้
วันนี้ (23 ก.ค.) ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร กล่าวในเวทีรับฟังความคิดเห็นการปฏิรูปวิศวกรไทย ว่า ปัจจุบันมีวิศวกรที่ขึ้นทะเบียนกับสภาวิศวกรอยู่ประมาณ 300,000 คน ซึ่งการปฏิรูปวิศวกรไทย หลักๆ คือ วิศวกรต้องมีความพร้อมสำหรับการพัฒนาในยุคแห่งความเปลี่ยนแปลง ตอบโจทย์การพัฒนาของประเทศ ยกระดับมาตรฐานวิศวกรให้มีความรับผิดชอบ และมีบทบาทการเป็นที่พึ่งของสังคม คุ้มครองความปลอดภัยสาธารณะ ส่งเสริมการปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม ไม่ให้เกิดภยันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และคุ้มครองผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจอาชีพวิศวกรในอนาคตอีกด้วย
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า วิศวกรยังคงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย จากปัจจัยด้านความเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว อาคารถล่ม อุทกภัย ภัยแล้ง เป็นต้น รวมถึงความเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิสรัปชัน แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีคนรุ่นใหม่ที่สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์น้อยลงอยู่ที่ 33,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้มีผู้ขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประมาณ 7,000 คนต่อปี ซึ่งอาจมีเพียงบางส่วนที่ประกอบอาชีพวิศวกร และคาดว่าในอนาคตอันใกล้ ไทยจะมีสัดส่วนของการเป็นวิศวกรเพียงร้อยละ 5 ของประชากรทั้งประเทศ จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้สภาวิศวกรจึงต้องเร่งปฏิรูปด้านวิศวกรรมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้กลายเป็นวิชาชีพที่ขาดแคลนในอนาคต ซึ่งการจัดการประชุมปฏิรูปวิศวกรไทยจึงเป็นโอกาสในการปฏิรูปให้วิชาชีพวิศวกร และเป็นอาชีพที่เป็นเสาหลักของประเทศได้
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ สภาวิศวกรยังคงตระหนักถึงบทบาทและภารกิจหลักในฐานะสภาวิชาชีพที่มีความสำคัญระดับประเทศ ซึ่งต้องสามารถดำเนินงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคม สนับสนุนการศึกษาและวิจัย การให้ความรู้กับประชาชนซึ่งมีส่วนสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงต้องเพิ่มบทบาทในการให้คำปรึกษาและแนะนำกับรัฐบาล เพื่อร่วมกันออกแบบแผนการดำเนินงานที่จะส่งผลต่อการพัฒนาและแก้ปัญหาสำคัญระดับประเทศ ตามเทรนด์ด้านวิศวกรรมของโลก อาทิ นวัตกรรมด้านการแพทย์สาธารณสุข พลังงานทดแทนซึ่งเป็นพลังงานสะอาดลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการป้องกันประเทศ การเติบโตของอุตสาหกรรมอีสปอร์ต เทคโนโลยีด้านอากาศยาน การพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า วิศวกรรมการเงิน และสมาร์ทฟาร์ม
"หลังจากการประชุมการปฏิรูปวิศวกรไทย สภาวิศวกรจะนำความคิดเห็นที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณายกร่างแผนแม่บทก้าวต่อไปของวิศวกรไทยในปี 2020 อย่างรอบด้าน ซึ่งแผนแม่บทดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกร โดยมุ่งเน้นกลุ่มไปยังเป้าหมายของคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ในสถาบันการศึกษา ตลอดจนผู้ที่สำเร็จการศึกษาและก้าวสู่วิชาชีพวิศวกรที่มีทักษะความรู้เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลง ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพการประกอบวิชาชีพวิศวกรไทย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
นายสมัย ลี้สกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความคาดหวังของสังคมที่มีต่อผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกร คือ ต้องมีความสามารถในการประยุกต์ใช้พื้นฐานด้านวิศวกรรมเพื่อต่อยอดในการทำงานด้านต่างๆ ที่เป็นเทรนด์ตามความต้องการของโลกได้ สิ่งที่สำคัญคือวิศวกรรุ่นใหม่ต้องเก่งรอบด้าน ทั้งด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ขณะเดียวกันต้องผสมผสานองค์ความรู้ด้านศิลปศาสตร์ เพื่อให้เกิดการประยุกต์ใช้และตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในที่สุด ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้เก่งทั้งวิทย์และศิลป์ อีกทั้งยังต้องกระตุ้นให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิศวกรอยู่แล้ว รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะปรับตัวสู่ความท้าทายได้ในอนาคต พร้อมแนะให้สภาวิศวกรจับมือกับสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อใช้องค์ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละสถาบัน นำมาสู่การใช้งานจริง และยังเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึงบทบาทการทำงานเพื่อสังคมได้มากขึ้น