“ณัฏฐพล” ลั่นใช้หลักบริหาร ดันการศึกษาไทย

“ณัฏฐพล” ควง 2 รมช.ถือฤกษ์ 7.49 น.เข้ากระทรวงศึกษาธิการวันแรก ลั่นใช้ความรู้บริหาร น้อมรับฟังข้อเสนอแนะ เพื่อผลักดันการศึกษาไทยก้าวไปข้างหน้า

วันนี้ (18 ก.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อเวลา 7.49 น. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระพุทธรูปประจำกระทรวง พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรี สัฎฐีอนุสรณ์ศึกษาทรรังสรค์ ศาลพระภูมิ พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นได้ลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10

ต่อมารัฐมนตรีทั้ง 3 ท่านได้เข้าหารือกับ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมมอบนโยบายและแนวทางการทำงานให้กับผู้บริหารระดับสูงด้วย

นายณัฏฐพล กล่าวภายหลังพบปะหารือผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการว่า การบริหารจะสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาชาติ ซึ่งตนได้มอบวาระเร่งด่วนให้ผู้บริหาร เตรียมหาแนวทางพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ก็คือ เด็ก เยาวชน ให้มีความรู้ความสามารถแข่งขันในทศวรรษที่ 21 โดยสิ่งไหนที่ดีอยู่แล้วก็ให้นำมาพัฒนาต่อยอด ส่วนสิ่งไหนที่เป็นจุดอ่อนก็ให้ปรับปรุงแก้ไข เพิ่มจุดแข็ง ซึ่งต้องยอมรับว่าการศึกษาของเราไม่ได้ดีเลิศ ดังนั้น จะต้องแก้ไข พัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในทศวรรษที่ 21 อย่างไรก็ตาม การที่เด็กจะเก่งได้ ครูต้องมีการพัฒนา มีเทคนิคการสอนใหม่ๆ เราให้กำลังใจครู เพื่อให้ครูเป็นพ่อแม่พิมพ์ของชาติ ให้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ลูกศิษย์ อย่างไรก็ตาม หลักสูตรการเรียนการสอน อาจจะต้องมีการปรับให้ทันสมัยโดยนำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทด้วย

เมื่อถามเรื่องการทุจริตหลายเรื่อง เช่น โครงการอาหารกลางวัน นายณัฎฐพล กล่าวว่า ตนมีทีมกฎหมาย จะเข้ามาดูเรื่องงบประมาณ คุณภาพอาหาร เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต

เมื่อถามว่ารู้สึกกังวลหรือไม่ที่ไม่มีประวัติบริหารด้านการศึกษา นายณัฏฐพล กล่าวว่า ผมไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ผมมีความสามารถในการบริหาร และการแก้ไขอย่างแน่นอน ผมสามารถแยกแยะถึงความเหมาะสมในเรื่องที่เป็นหลักๆ ของการบริหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บริหารสูงสุด ส่วนเรื่องความรู้ความสามารถทางด้านการศึกษานั้น ผมยินดีน้อมรับ มีที่ปรึกษาที่สามารถร่วมทำงานได้เป็น 100 เป็น 1,000 คน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารที่จะนำความคิดเห็นข้อเสนอแนะทั้งไทยและต่างประเทศ จากผู้ทรงคุณวุฒิในทุกภาคส่วนมารวมกันกับสิ่งที่มีอยู่ เพื่อให้เดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อว่าจะผลักดันให้การศึกษาไทย ได้พัฒนาก้าวไปข้างหน้า