กทม.คาดปรับปรุงสาถนีสูบน้ำแนว "วิภาวดีรังสิต" แล้วเสร็จ ก.ย.นี้ เพิ่มกำลังสูบเป็น 110 ลบ.ม./วินาที เผยดันท่อลอดระบายน้ำแยกเกษตรคืบ 53% โครงสร้างบ่อสูบเสร็จ 15 ส.ค.นี้
วันนี้ (16 ก.ค.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต ว่า กทม.ดำเนินโครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำตามแนวถนนวิภาวดีรังสิต จำนวน 15 สถานี เพิ่มอัตรากำลังสูบน้ำเป็น 81 ลบ.ม./วินาที สำหรับสถานีสูบน้ำที่อยู่ระหว่างปรับปรุง 3 สถานี ได้แก่ สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาออกฝั่งเหนือ ทำได้ 40% สถานีสูบน้ำคลองบางซื่อขาเข้าฝั่งเหนือ ทำได้ 54% และสถานีสูบน้ำคลองวัดหลักสี่ขาเข้า ทำได้ 30% คาดว่าโครงสร้างจะแล้วเสร็จกลาง ส.ค.นี้ ส่วนระบบการทำงานจะแล้วเสร็จใน ก.ย.นี้ โดยระหว่างยังไม่เสร็จได้ให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราว ทั้งนี้ เมื่อปรับปรุงเสร็จทั้งหมด จะเพิ่มอัตรากำลังสูบเป็น 110 ลบ.ม./วินาที เร่งระบายน้ำลงสู่คลองบางซื่อ คลองลาดยาว คลองบางเขน คลองวัดหลักสี่ ระบายออกคลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว ดึงน้ำในคูตามแนวถนนวิภาวดีรังสิตเข้าอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนโครงการ Pipe Jacking ถนนพหลโยธิน บริเวณแยกเกษตรศาสตร์ คืบหน้า 53% โดยดำเนินการดันท่อเหล็กเหนียว เส้นผ่านศูนย์กลาง 1,200 มม. ในถนนพหลโยธินทั้งฝั่งขาเข้าและฝั่งขาออก เพื่อรับน้ำจากซอยเสนานิคมและหน้าตลาดอมรพันธ์ไปลงคลองลาดพร้าว ขณะนี้ทำไปแล้ว 53 เมตร จาก 528 เมตร ส่วนถนนประเสริฐมนูกิจฝั่งขาออก ดันท่อระบายน้ำค.ส.ล. เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50 ม. และ 1.80 ม. ได้ยาว 910 เมตร จาก 1,120 เมตร ส่วนบ่อดัน 11 บ่อ สร้างแล้ว 7 บ่อ ก่อสร้างรางระบายน้ำ ความยาว 80 ม.แล้วเสร็จ คาดว่าโครงสร้างบ่อสูบน้ำจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 15 ส.ค.นี้ จากนั้นสำนักการระบายน้ำจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำชั่วคราว เพื่อเปิดระบบการทำงานรองรับน้ำช่วงฤดูฝน
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. คลองรางอ้อรางแก้ว ช่วงจากถนนพหลโยธินถึงซอยพหลโยธิน 65 แยก 2 ทำได้ 39.91% ตอกเสาเข็มได้แล้ว 356 ต้น จาก 634 ต้น ติดตั้งแผงกันดินได้แล้ว 300 ช่อง จาก 632 ช่อง ก่อสร้างคานทับหลังเขื่อนค.ส.ล. ได้ 315 เมตร จาก 950 ม. ทั้งนี้ กำชับให้ขุดลอกคลองเปิดทางน้ำไหลเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำตามแนวเขื่อนที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ เมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำ โดยรองรับน้ำจากถนนพหลโยธินและบริเวณวงเวียนบางเขน ระบายลงสู่คลองรางอ้อรางแก้ว ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีบ่อหน่วงน้ำใต้ดิน (Water Bank) เพื่อรองรับน้ำฝนบริเวณวงเวียนบางเขนและถนนพหลโยธินมากักเก็บไว้ในบ่อหน่วงน้ำ เมื่อฝนหยุดตกหรือระดับน้ำในคลองลดต่ำลง จะสูบน้ำที่กักเก็บไว้ระบายลงคลองบางบัว และอีกส่วนหนึ่งระบายลงคลองรางอ้อรางแก้ว
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับถนนประชาชื่นช่วงจากถนนวงศ์สว่างถึงคลองบางเขน เขตบางซื่อ เมื่อฝนตกเกิน 60 มม./ชม. จะเกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณหน้า รพ.เกษมราษฎร์ หากระดับน้ำในคลองบางเขนสูง จะทำให้น้ำยิ่งไหลลงท่อระบายลงสู่คลองบางเขนได้ช้า จึงพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยก่อสร้างทำนบไม้ชั่วคราวเพื่อเป็นประตูระบายน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฮโดรลิกกำลังสูบ 0.5 ลบ.ม./วินาที 2 เครื่อง และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ กำลังสูบ 1 ลบ.ม./วินาที 1 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในผิวจราจร สำหรับคลองบางเขนอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกรมชลประทาน มีการเรียงหินป้องกันตลิ่งจึงไม่สามารถดำเนินการขุดลอกคลองเพื่อเพิ่มระดับความลึกได้ โดยจะประสานกรมชลประทาน หาแนวทางพัฒนาต่อไป
