อภ.ยัน ก.ค.-ส.ค.มี "น้ำมันกัญชา" แน่นอน เร่งศึกษาสเปก เทคนิคการปลูกกัญชาแบบกรีนเฮาส์ ชี้ช่วยลดต้นทุน 7-8 เท่า หวังสร้างได้ในปี 63 ชี้ต้องพัฒนาสายพันธุ์ซีบีดีสูงให้ได้ใน 1 ปี เพื่อลุยทั้งทำยา อาหารเสริม เครื่องสำอาง ทำต้นอ่อนและเมล็ดพันธุ์ให้แก่เกษตรกร
นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเก็บเกี่ยวดอกกัญชา ว่า อภ.เก็บเกี่ยวดอกกัญชาสายพันธุ์ทีเอชซีสูงก่อน จากนั้นจะเป็นสายพันธุ์ที่ให้ทีเอชซีและซีบีดีอัตราส่วน 1 ต่อ 1 และค่อยเป็นสายพันธุ์ซีบีดีสูง เพื่อสกัดน้ำมันกัญชาเมดิคัลเกรดใน ก.ค. - ส.ค. ซึ่งได้มากกว่า 2,500 ขวดแน่นอน นอกจากนี้ ยังให้ทีม อภ.เตรียมการปลูกกัญชารูปแบบกรีนเฮาส์ คล้ายเรือนกระจก ใช้แสงจากธรรมชาติ ทำให้ประหยัดค่าไฟ ไม่ต้องเปิดไฟตลอดเวลาเหมือนในโรงเรือน จะช่วยลดต้นทุนได้ 7-8 เท่า โดยอยู่ระหว่างศึกษาสเปกของกรีนเฮาส์ว่า เทคนิคไหนที่จะลดความชื้นได้ หรือทำให้ไม่ร้อนจัด คาดว่าจะชัดเจนใน ก.ค.นี้ เพื่อสร้างได้ในปี 2563
เมื่อถามถึงการเตรียมพร้อมกระแส "กัญชา" จะเป็นธุรกิจทางการแพทย์ นพ.โสภณ กล่าวว่า อันดับแรกต้องมองว่า อภ.ขายอะไร แน่นอน คือ ยารักษาโรค ซึ่งสารสกัดกัญชาก็นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รองลงมาเรื่องธุรกิจอื่น อย่างต่างประเทศมีจำหน่ายซีบีดีผสมในเครื่องสำอาง เราก็ต้องมาเตรียมพร้อมว่าจะมีการพัฒนาส่วนนี้ด้วยหรือไม่
"องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมเสนอสหประชาชาติ (UN) ปลดล็อกสารซีบีดีออกจากยาเสพติดในปี 2563 ก็ต้องรอดูว่า UN จะเห็นชอบหรือไม่ หากผ่าน ตัวซีบีดีต้องมีสารทีเอชซีปนต่ำกว่า 0.2% ก็จะปลูกในวิสาหกิจชุมชนได้มาก เพียงแต่เราจะมีสายพันธุ์หรือไม่ ซึ่งวันนี้เรามีสายพันธุ์ซีบีดีแบบกัญชงที่เน้นเส้นใย คงต้องเอากัญชาที่มีซีบีดีสูง และจะทำอย่างไรให้พัฒนาสายพันธุ์จนปลูกกลางแจ้งได้ หากทำได้ในอนาคตอาจจำหน่ายต้นอ่อนหรือเมล็ดที่มีซีบีดีสูง โดยทำเป็นสัญญาร่วมกับเกษตรกรในวิสาหกิจชุมชน คล้ายคอนแท็กฟาร์มมิงแบบขมิ้นชัน ที่ อภ.จะรับซื้อตามเงื่อนไขให้ได้สารมาตรฐานทางการแพทย์ เพียงแต่ขณะนี้ต้องเตรียมตัวและเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้งหมดเป็นเป้าหมายที่เราต้องทำให้ได้ ทั้งตัวยากัญชา สารสกัดซีบีดีเพื่อทำเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และต้นอ่อนหรือเมล็ด แต่ตอนนี้ต้องวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ให้ได้ซีบีดีสูงภายใน 1 ปี" นพ.โสภณ กล่าว