อย.คาด กรกฎาคมนี้มีหน่วยงานขอทำวิจัยและปลูกกัญชา 20 ราย มั่นใจผลิตน้ำมันกัญชาเพียงพอกับผู้ป่วย ส่วนประชาชนที่สนใจปลูกแนะขออนุญาตปลูกในรูปแบบ ของวิสาหกิจชุมชน
วันนี้ (25 มิ.ย.) ที่โรงแรมทีเค พาเลซ ในเวทีระดมความคิดเห็นเรื่อง รู้ทันกัญชา : คลายปมปัญหา เดินหน้า เพื่อประชาชน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงานมาขอทำการวิจัยและปลูกกัญชาแล้วประมาณ 10 ราย และในเดือนก.ค.ก็กำลังจะมีอีกประมาณ10รายมาขอปลูกเพื่อวิจัย อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะขาดยา เนื่องจากขณะนี้ทราบว่า การสกัดสารโลหะหนัก ในกัญชาของกลางที่รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ขอไปนั้น ให้ผลดี สามารถสกัดสารอันตรายออกไปได้พอที่จะใช้ในการรักษาโรคดีกว่าไปใช้จากใต้ดิน และมีสาร THC สูง คาดว่า จะ สามารถผลิตเป็นน้ำมันกัญชาได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ขวด ซึ่งเพียงพอสำหรับประชาชนที่ต้องการใช้ในการประคับประคองกรณีป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ส่วนกัญชาขององค์การเภสัชกรรม(อภ.)ก็คาดว่าในเดือนก.ค. น่าจะสามารถผลิตเป็นน้ำมันกัญชาได้ เพียงพอสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคต่างๆ เช่น ลมชัก ปลอกปลายประสาทเสื่อมแข็ง เป็นต้น
นพ.สุรโชค กล่าวว่า สำหรับสารสกัดน้ำมันกัญชา อยากให้ใช้ในกลุ่มคนที่มีข้อบ่งใช้ก่อน ส่วนคนที่แค่อยากจะทดลองใช้ ควรได้รับทีหลัง และไม่ควรมีการใช้กัญชาอย่างพร่ำเพรื่อ หรือคนที่มีอาการนอนไม่หลับก็อาจมารับกัญชาที่ผลิตโดยแพทย์แผนไทยแทน เนื่องจาก จะเป็นกลุ่มกัญชาในปริมาณไม่เข้มข้น สามารถช่วยการนอนหลับได้ อย่างไรก็ตาม อย.ไม่ได้เป็นผู้ออกกฎหมาย แต่มีหน้าที่ให้การดูแล ผู้บริโภค ในการขออนุญาตการปลูกสาเหตุที่ต้องทำร่วมกับภาครัฐ เนื่องจากหากมีกัญชาเสรี อาจทำให้ผู้ที่เข้าถึงกัญชา และปลูกไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มนายทุน อีกทั้งกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 การปลูกและเสพมีความผิด แต่หากเป็นการปลูกและเสพ เพื่อใช้ทางการแพทย์ ก็สามารถทำได้ โดยหลักเกณฑ์การอนุญาตครอบคลุมตั้งแต่ คุณสมบัติผู้ขออนุญาต สถานที่ ประวัติ เป็นต้น ซึ่งประชาชนที่สนใจก็สามารถขออนุญาตปลูกในรูปแบบ ของวิสาหกิจชุมชน เพื่อทำการศึกษาวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลได้
นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ ผอ.กองกฎหมาย ป.ป.ส. กล่าวว่า ขณะนี้แนวทางขององค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับสารสกัดกัญชากำลังจะเปลี่ยนไป เนื่องจากมีแนวคิดปลดสาร CBD ที่มีสาร THC น้อยกว่า 0.2 มิลลิลิตรออกจากยาเสพติด ซึ่งในอนาคตกฎหมายยาเสพติดต้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องที่ประชาชนเรียกร้องอยากปลูกกัญชาเอง และอยากให้เป็นกัญชาเสรีนั้น ขอชี้แจงว่าการเปิดเสรียังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ เนื่องจากมีปัญหาในการควบคุม ซึ่งไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จึงสามารถทำได้เพียงอนุญาตให้ประชาชนที่รวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชนปลูกเท่านั้น เพื่อที่จะสามารถควบคุมดูแลได้ เพราะต้องทำร่วมกับหน่วยงานรัฐ อีกทั้งการปลูกก็ได้มาตรฐาน มีที่มาที่ไปชัดเจน กรณีเป็นน้ำมันสกัด หรือหากเป็นยาแผนไทย การปลูกเพื่อเสพทางการแพทย์ ยังต้องทำ ตามตำรับยา ที่อย.กำหนด ดังนั้นกฎหมายเขียนอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น
นายเดชา ศิริภัทร หมอพื้นบ้าน กล่าวว่า อยากให้ประชาชนได้มีการโอกาสพึ่งพาตัวเองในการรักษา มากกว่าพึ่งพายา หรือตำรับยาฝรั่ง ยังเห็นว่า การที่กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ยาที่มีส่วนผสมของกัญชา รักษาได้แค่ 4 โรค ก็ไม่จริง เนื่องจากตนเองได้ทดลองใช้มาแล้ว และไม่อยากให้กัญชาเป็นทางเลือกสุดท้ายในการรักษาโรค เพราะ ทุกวันนี้ เสียดาย กัญชาของกลางที่ต้องถูกเผาทำลาย กัญชา 1 ตัน สามารถใช้รักษาโรคในประชาชนได้ถึง 1-2 หมื่นคนดังนั้น ในเดือนก.ค. ตนจะเดินหน้า แจกน้ำมันกัญชา ที่ตนผลิตเองได้ หากใครอยากจับให้มาจับเลย นอกจากนี้ตนและแอ๊ดคาราบาว จะขอเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขคนใหม่เพื่อให้เข้าใจเรื่องของคนป่วยใช้กัญชาหากไม่เห็นด้วยเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องเลือก