ผอ.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม แจงกรณีให้คูปองซื้ออุปกรณ์การเรียน ไม่ใช่การบังคับสามารถจะซื้อเป็นชุด หรือเลือกซื้อแยกชิ้น ขณะที่หากไม่ต้องการสามารถแลกเงินสดได้ ยันรายได้เข้าสู่สถานศึกษาประเภทเงินบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์
จากกรณีเฟซบุ๊กปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้เผยแพร่ข้อความว่า อ้างถึงความไม่ชอบมาพากลกรณีการดำเนินการของโรงเรียนวัดสุทธิวราราม กรณีการจัดสรรงบประมาณค่าอุปกรณ์การเรียน ในโครงการเรียนฟรี เรียนดี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งโรงเรียนใช้วิธีการออกคูปองมอบให้นักเรียนในวันมอบตัว มูลค่าคูปอง มัธยมศึกษาตอนต้น 210 บาท ม.ปลาย 230 บาท แล้วให้ไปซื้อของกับร้านค้าของโรงเรียนในวันนั้นเลย โดยมีการจัดเป็นชุดไว้เสร็จสรรพ เป็นอุปกรณ์การเรียนคุณภาพกลาง ๆ เอาคูปองมาแลกไป ขณะที่บางรายการที่นำไปจัดชุดให้ซื้อไม่ตรงกับความต้องการของเด็กและผู้ปกครองนั้น
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายอารีย์ วีระเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดสุทธิวราราม ชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการภายในโรงเรียน โดยในวันมอบเมื่อผู้ปกครองประชุมร่วมกับครูประจำชั้นเรียบร้อยได้มีการแจกคูปองให้แก่ผู้ปกครอง โดยระดับม.ต้น คูปอง 210 บาท และม.ปลาย 230 บาท แต่ก่อนการแยกย้ายทางฝ่ายบริหาร ได้มีการประชุมชี้แจงแก่ผู้ปกครองนักเรียนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นส์ ซึ่งมีการติดตั้งไว้ 3 จุด โดยตนได้ชี้แจงเรื่องการใช้คูปองว่า ขอความร่วมมือในการแลกซื้อสินค้าในร้านค้าสหกรณ์ของโรงเรียน ซึ่งด้วยเจ้าหน้าที่มีน้อยโรงเรียนก็ได้มีการอำนวยความสะดวกโดยการจัดเป็นชุดไว้ให้เพื่อความรวดเร็ว แต่หากไม่ต้องการเป็นชุดก็สามารถเลือกซื้อแบบแยกชิ้นได้ตามความต้องการ และสุดท้ายกรณีที่ผู้ปกครองไม่ต้องการซื้อสินค้าก็สามารถนำคูปองมาแลกเป็นเงินสดที่ห้องการเงินก็ได้เลย ตรงนี้ไม่ได้มีการบังคับ ส่วนรายได้จะเข้าเป็นรายได้ของสถานศึกษา ในประเภทเงินบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์ตรงนี้เมื่อสรุปยอดเรียบร้อยโรงเรียนก็จะมีการออกใบเสร็จถูกต้องตามระเบียบแน่นอน
“ตอนนี้โรงเรียนกำลังนับจำนวนคูปองที่ร้านค้าได้รับว่ามีการนำมาใช้จำนวนเท่าไหร่ และที่นำมาแลกรับเงินสดจำนวนเท่าไหร่ เพื่อสรุปจำนวนเงินให้ชัดเจน ผมยืนยันว่าได้มีการสื่อสารในวันมอบตัวซึ่งผู้ปกครองส่วนใหญ่มารับฟังก็จะเข้าใจและภาพรวมก็ให้ความร่วมมือ แต่ก็มีบางท่านที่ไม่ได้เข้าไปรับฟังอาจจะไม่เข้าใจ ซึ่งคูปองดังกล่าวไม่ได้มีข้อจำกัดในการใช้ เวลานี้ก็ยังมีผู้ปกครองบางคนก็ทยอยนำคูปองมาแลกเงินสดคืน กรณีที่มีข่าวออกมาผมไม่ขอออกความเห็น แต่ผมเชื่อว่าความเป็นจริงก็คือความจริง”นายอารีย์ กล่าว
นายอารีย์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการดำเนินการของโรงเรียนก็จำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านร้านค้าสหกรณ์ แต่ไม่ได้มีการจัดเป็นชุดแบบครั้งนี้ เนื่องจากครูที่เป็นผู้ดูแลมีจำนวนน้อยในขณะที่นักเรียนจำนวนมาก ขณะเดียวกัน เวลานี้โรงเรียนก็มีปัญหาขาดแคลนบุคลากร เช่น รองผู้อำนวยการไม่มีสักคนเดียว ทำให้การทำงานต่างๆ ขาดผู้ประสานช่วยดูแล จึงมีข้อเสนอว่าน่าจะจัดระบบใหม่ใช้รูปแบบคูปองและจัดเป็นชุดเพื่ออำนวยความสะดวกให้ ส่วนสินค้าที่เลือกมาจำหน่ายครูที่มีหน้าที่รับผิดชอบก็ได้มีการหาร้านค้า มีการเปรียบเทียบราคาจำหน่ายในท้องตลาด อย่างไรก็ตาม รายได้ที่จากการจำหน่ายทางร้านเสนอว่าจะบริจาคให้แก่โรงเรียนด้วยเป็นรายได้ของสถานศึกษาในประเภทเงินบริจาคโดยมีวัตถุประสงค์