xs
xsm
sm
md
lg

สถาบันมะเร็งฯ เตรียมวิจัยหาสัดส่วน "น้ำมันกัญชา"ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สถาบันมะเร็งฯ เตรียมวิจัย "น้ำมันกัญชา" หาสัดส่วนทีเอชซี ซีบีดี ช่วยบรรเทาอาการผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ก่อนนำมาใช้ศึกษาผ่านช่องทางพิเศษ พร้อมวิจัยการรักษามะเร็ง เน้นกลุ่มที่พบบ่อยในไทย

นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการวิจัยสารสกัดกัญชาเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ว่า หลังจากองค์การเภสัชกรรม(อภ.)ผลิตน้ำมันกัญชาออกมาก็จะส่งมอบให้แก่กรมการแพทย์ ซึ่งจะกระจายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำไปรักษาตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยในส่วนของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จะมีการวิจัยศึกษาทั้งในระดับเซลล์มะเร็ง สัตว์ทดลอง และนำไปสู่การวิจัยระดับคลินิกหรือในคน ซึ่งจะใช้เวลานาน ดังนั้น จึงมีอีกช่องทางหนึ่งที่ใช้ควบคู่กัน คือ หลังจากผ่านการวิจัยระดับเซลล์และสัตว์ทดลองก็จะนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้สารสกัดกัญชาผ่านช่องทางพิเศษ ที่เรียกว่า Special Access Scheme หรือ SAS

นพ.วีรวุฒิ กล่าวว่า การศึกษาติดตามการใช้สารสกัดกัญชาผ่านช่องทางพิเศษ จะใช้ใน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ทราบแล้วว่าได้ผลชัดเจน คือ ภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากการใช้ยาเคมีบำบัดที่ดื้อต่อยาแผนปัจจุบัน 2.กลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มมะเร็งระยะสุดท้าย และ 3.กลุ่มที่อาจมีประโยชน์ในอนาคต คือ โรคมะเร็งชนิดต่างๆ ที่ยังต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนมีค่อนข้างน้อย เพราะปัจจุบันยาที่ใช้ในกลุ่มคลื่นไส้ดีขึ้นมาก จะมีที่ไม่ตอบสนองก็น้อยมาก ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องนี้ ดังนั้น อาจจะไปเน้นกลุ่มมะเร็งระยะสุดท้าย โดยหลังจากทราบปริมาณการใช้สารสกัดกัญชาในหนูทดลองแล้วว่า ต้องใช้สัดส่วน THC และ CBD เท่าไร สถาบันมะเร็งฯ จะนำมาเปรียบเทียบกับการใช้ในคน ทำให้ทราบว่า ควรใช้น้ำมันกัญชาสัดส่วนขนาดไหน

เมื่อถามจะวิจัยมุ่งเน้นโรคมะเร็งชนิดไหน นพ.วีรวุฒิ กล่าวว่า จะใช้ในกลุ่มที่พบบ่อยในประเทศไทย ทั้งมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีเกณฑ์คัดเลือกผู้ป่วยมะเร็งเข้าร่วมอย่างไร นพ.วีรวุฒิ กล่าวว่า จะเปิดให้ขึ้นทะเบียน ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกับกรมการแพทย์ว่า อาจจะเปิดขึ้นทะเบียนพร้อมกับทางสถาบันประสาทวิทยาหรือไม่

เมื่อถามถึงงบประมาณในการวิจัย นพ.วีรวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่นิ่ง เพราะมีทั้งการวิจัยระดับเซลล์ทดลอง และสัตว์ทดลองเบื้องต้นประมาณ 7-8 ล้านบาท ซึ่งต้องทำแยกย่อยหลายเซลล์ หลายความเข้มข้น ส่วนเรื่องที่จะใช้ใน SAS ก็ต้องดูผลวิจัยในขั้นที่ 1-2 จะนำไปสู่การวิจัย SAS ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ต้องวางแผนอีกครั้ง


กำลังโหลดความคิดเห็น