กทม.เผยติดตั้งเครื่องสูบน้ำลำรางสีกันเสร็จแล้ว เปิดเดินเครื่องสูบน้ำได้แล้ว เหลือติดตั้งช่วงคลองบางพูด 2 คาดเปิดใช้ได้ 10 ก.ค.นี้ ช่วยแก้น้ำท่วมภนนเวฬุวนาราม เขตดอนเมือง ส่วนเขื่อนคลองรางอ้อรางแก้ว คืบ 38%
วันนี้ (22 มิ.ย.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำลำรางสาธารณะและถนนเวฬุวนาราม เขตดอนเมือง ว่า โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ 1.ลำรางสีกันถึงคูนายกิมสาย 3 โดยก่อสร้างบ่อสูบน้ำลำรางสีกัน 1 แห่ง ก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. (ชนิดดาดท้องคลอง) ความยาว 1,006 ม. และทางเดินค.ส.ล. ความยาว 503 ม. และ 2.คลองบางพูด 2 ถึง คลองตาอูฐ โดยก่อสร้างบ่อสูบน้ำ ขนาด 1 แห่ง ก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. (ชนิดดาดท้องคลอง) ความยาว 500 ม. และสร้างทางเดิน ค.ส.ล. ความยาว 182 ม. ผลงานที่ทำได้ 86% โดยขณะนี้การก่อสร้างบริเวณคูนายกิมสาย 3 แล้วเสร็จ สามารถเปิดเดินเครื่องสูบน้ำได้แล้ว ส่วนการก่อสร้างบริเวณคลองบางพูด 2 อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า ซึ่งผู้รับจ้างยืนยันว่า จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ สามารถเปิดใช้งานได้ภายในวันที่ 10 ก.ค.นี้
"เมื่อโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำลำรางสาธารณะและถนนเวฬุวนารามแล้วเสร็จทั้งระบบ จะช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เขตดอนเมือง บริเวณถนนเวฬุวนาราม รวมถึงช่วยหมุนเวียนถ่ายเทน้ำ บรรเทาและป้องกันปัญหาน้ำเน่าเสีย เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำลำรางสีกันลงคูนายกิมสาย 3 และคลองบางพูด 2 ลงคลองตาอูฐได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ส่วนโครงการก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. คลองรางอ้อรางแก้ว ช่วงจากถนนพหลโยธินถึงซอยพหลโยธิน 65 แยก 2 ยาว 950 ม. คืบหน้า 38.46% ผู้รับจ้างตอกเสาเข็มได้แล้ว 356 ต้น จาก 634 ต้น ติดตั้งแผงกันดินได้แล้ว 300 ช่อง จาก 632 ช่อง ก่อสร้างคานทับหลังเขื่อนค.ส.ล. 200 ม. จาก 950 ม. ทั้งนี้ได้กำชับให้ทำงานควบคู่กันไป เมื่อตอกเสาเข็มในแต่ละช่วงแล้วเสร็จให้กดแผงกันดินและก่อสร้างคานทับหลังเขื่อนต่อเนื่องกันไป เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว หากแล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำจากถนนพหลโยธินและวงเวียนบางเขนระบายลงสู่คลองรางอ้อรางแก้วได้เต็มประสิทธิภาพ