xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายเยาวชน จี้ผู้ว่าฯ เมืองชล เร่งปิดผับดัง หลังพบทำผิด กม. ขู่ไม่คืบฟ้องนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เครือข่ายเยาวชน จี้ผู้ว่าฯชลบุรี เร่งปิดผับดัง หลังพบทำผิดกฎหมาย อย่าให้เป็นที่ครหาเกรงกลัวผู้มีอิทธิพล ลั่นเฝ้าติดตามใกล้ชิด หากไม่คืบหน้าจ่อฟ้อง "บิ๊กตู่"

วันนี้ (17 มิ.ย.) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวถึงกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองจับกุมสถานบันเทิง 2 แห่ง คือ Dome Party & Music จ.ฉะเชิงเทรา และเวก้า สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังรับร้องเรียนเปิดเกินเวลา ปล่อยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ และมั่วสุมเสพยา ว่า ทราบมาว่านายประสงค์ คงเคารพธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา มีคำสั่งปิดสถานบริการ “โดม” และห้ามเปิดสถานบริการในที่ตั้งดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี และ พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา มีคำสั่งให้ผู้กำกับ รองผู้กำกับ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา 3 ราย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยขาดจากต้นสังกัดเดิมมีกำหนด 30 วัน นับแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไปแล้ว ส่วน จ.ชลบุรี ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แบบ จ.ฉะเชิงเทรา

นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอเรียกร้องต่อกระทรวงมหาดไทย (มท.) ผ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ขอให้รีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สั่งปิดร้านเวก้า สัตหีบ และกฎหมายอีกหลายกระทง รวมถึงร้านบราซิล และร้าน 90 บาร์ พัทยา อ.บางละมุง ที่มีการตรวจจับไปก่อนหน้านี้ และพบว่าทั้งสองร้านมีนักท่องเที่ยวฉี่สีม่วงรวมกันมากถึง 155 คน เปิดเกินเวลาที่กำหนด ปล่อยให้เด็กเข้าใช้บริการ ฯลฯ ทั้งนี้ นโยบายควบคุมสถานบริการตามคำสั่ง คสช. ถือว่ามีความเข็มแข็งและก้าวหน้าที่สุด มีบทกำหนดโทษที่รุนแรงและชัดเจน อยากให้หน่วยงานในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ว่าฯ ทำงานอย่างจริงจัง อย่าให้เป็นที่ครหาว่า เกรงกลัวอิทธิพลนักการเมืองหรือกลุ่มนักธุรกิจสีเทาดำ หากร้านไหนตรวจสอบพบกระทำความผิด ต้องสั่งปิดร้านโดยไม่มีข้อยกเว้น ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ว่าฯ ชลบุรีและเจ้าหน้าที่ โดยเครือข่ายฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิด หากไม่มีการดำเนินการ ก็จะต้องไปร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า กรณีร้านเหล้าผับบาร์ทำผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่เอือมระอาของทุกฝ่าย และแทบไม่มีใครกล้าจัดการจริงจัง จนกระทั่งมีกฎหมายจัดการเรื่องโซนนิ่งร้านเหล้ารอบสถานศึกษาในปี 2558 ปัจจุบันพบว่าร้านเหล้าจำนวนหนึ่งที่ปรับตัวยอมทำตามกฎหมาย แต่มีอีกจำนวนมากที่มักจะอ้างนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ผู้มากบารมีสารพัดสี หาช่องมอมเมาแสวงหากำไรกับเด็กและเยาวชน และจะได้ยินข่าวมาตลอดว่า หลายพื้นที่ที่ผู้มีอำนาจไม่กล้าสั่งปิด หรือยื้อระยะเวลาออกไป ด้วยอิทธิพลของบ้านใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเพื่อลูกหลานอ่อนแอลง รวมไปถึงข่าวคำสั่งเด้งโยกย้ายนายตำรวจในพื้นที่ออกไปในหลายๆ ครั้ง ซึ่งหลังจากนั้นแทบไม่มีใครทราบเลยว่าเด้งแล้วไปไหน มีผลการสอบออกมาอย่างไร รวมถึงคนเหล่านั้นยังคงมีพฤติกรรมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รับผลประโยชน์ในพื้นที่ที่ถูกโยกย้ายไปอีกหรือไม่

“เร็วๆ นี้ เครือข่ายจะนำปัญหาร้านเหล้าที่ทำผิดกฎหมายจนกระทั่งมีคำสั่งปิดกิจการ เข้าร้องเรียนกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ให้ตรวจสอบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ในพื้นที่ที่ถูกคำสั่งปิด ว่ามีผู้ใดเข้าข่ายทำความผิดและเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่” นายชูวิทย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น