หวั่นเสียค่าโง่ซ้ำ หลัง มติ ครม. ไฟเขียวเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากผู้ค้ายาสูบ แฉ ยสท. ไม่เคยรับภาระภาษีแทนผู้ค้ายาสูบ นักวิชาการเตือน ระวังบุหรี่นอกยึดครองตลาดทั้งหมด
วันนี้ (14 มิ.ย.) รศ.ดร.สุชาดา ตั้งทางธรรม ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย (สสท.) มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ และกรรมการวิชาการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า จากกรณีที่ พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ ก.ย.2560 ทำให้บุหรี่บางยี่ห้อลดราคาเพื่อจูงใจผู้บริโภค ซึ่งขัดต่อกฎหมายควบคุมยาสูบโลก (WHO FCTC) ที่ประเทศไทยร่วมลงสัตยาบัน ที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยาสูบได้ยากขึ้น แต่การปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษีใหม่กลับส่งผลตรงข้าม ทำให้ราคาบุหรี่หลายยี่ห้อลดลงจนประชาชนเข้าถึงได้ง่าย
“โครงสร้างภาษีดังกล่าว ทำให้บุหรี่ของบริษัทต่างชาติเสียภาษีลดลงซองละ 9.79 - 20.30 บาท ขณะที่บุหรี่ไทยทุกยี่ห้อเสียภาษีเพิ่มขึ้น 5.69 - 23.53 บาท ซึ่งบุหรี่ถือเป็นสินค้าอันตราย รัฐบาลจำเป็นต้องควบคุมและทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ยาก ซึ่งที่ผ่านมาทั่วโลกชื่นชมนโยบายของไทยมาตลอด แต่ครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลายประเทศคงวิพากษ์วิจารณ์ถึงนโยบายจากกระทรวงการคลังที่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้” รศ.ดร.สุชาดา กล่าว
รศ.ดร.สุชาดา กล่าวว่า นอกจากค่าโง่เรื่องภาษีสรรพสามิตบุหรี่แล้ว ขณะนี้ก็กำลังมีเรื่องน่าเป็นห่วงว่าจะเกิดค่าโง่ซ้ำอีก นั่นคือ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 ที่เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เรื่อง การเก็บภาษีเงินได้จากผู้ค้ายาสูบ อาจเป็นค่าโง่ขนาดหนักอีกเรื่องได้หากไม่มีการทบทวน เนื่องจากมีความเข้าใจว่า ที่ผ่านมาการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) หรือโรงงานยาสูบเดิม รับภาระภาษีโดยจ่ายภาษีเงินได้ให้แก่กรมสรรพากรแทนผู้ค้าส่งผู้ค้าปลีกมาโดยตลอดและปัจจุบันกำลังจะไม่รับภาระนี้อีกต่อไป เนื่องจากต้องรัดเข็มขัดตัวเอง ซึ่งหากทำอย่างนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่กระแสข่าวที่เกิดขึ้นคือ ยสท. ไม่ได้รับภาระภาษีแทนผู้ค้า แต่คำนวณและเก็บภาษีเงินได้จากผู้ค้าแล้วตั้งแต่ต้นทาง จึงจะทอนเงินส่วนดังกล่าวกลับไปที่ผู้ค้าเพื่อจ่ายภาษีเองตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป
“ถือเป็นตลกร้ายที่กระทรวงการคลังกำลังจะทำร้ายกิจการบุหรี่ไทยซ้ำอีก เพราะระบบที่ถือปฏิบัติกันมาแต่เดิม คือการเก็บภาษีเงินได้ตั้งแต่ต้นทาง โดย ยสท. นำส่งภาษีนี้ให้กรมสรรพากรแทนผู้ค้าส่งค้าปลีก จะทำให้ผู้ค้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาษีได้ ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติที่ดีอยู่แล้ว และควรใช้กับบุหรี่นอกด้วยเพื่อลดช่องทางการเลี่ยงภาษี แต่มติ ครม.ดังกล่าว จะทำให้ผู้ค้าเลิกค้าบุหรี่ไทย เพราะยุ่งยาก ซึ่งเป็นการทำลายตัวเอง และเอื้อบุหรี่ต่างชาติ” รศ.ดร.สุชาดา กล่าว
รศ.ดร.สุชาดา กล่าวว่า อยากฝากถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นผู้นำในเรื่องการควบคุมยาสูบ พิจารณาสั่งการเพื่อแก้ไขและทบทวนเรื่องภาษีสรรพสามิตและภาษีเงินได้ที่เกี่ยวกับยาสูบเสียใหม่โดยด่วนเพื่อประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน และไม่ให้เกิดความเสียหายต่อมาตรการควบคุมยาสูบ ทั้งนี้ ในวันที่ 15-16 มิถุนายนนี้ ทาง ยสท. จะจัดประชุมกับกลุ่มผู้ขายส่งยาสูบ เพื่อเตรียมความพร้อมเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้จากผู้ค้ายาสูบ ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์