เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา จี้ ศธ.ตรวจสอบ ผอ.ร.ร.ในบุรีรัมย์ เมาเวลาราชการ ชี้หากดื่มใน ร.ร.ยิ่งท้าทายกฎหมายคุมน้ำเมาและประกาศกระทรวง ย้ำแม้ดื่มมาจากที่อื่น ในเวลาราชการก็มีความผิดวินัย หวั่นระดับพื้นที่ไม่จริงจัง เตรียมนำรายชื่อสถานศึกษาเข้าข่ายทำผิดกฎหมายทั่วประเทศ ร้องว่าที่ รมว.ศธ.คนใหม่
จากกรณีที่ผู้ปกครองร้องเรียนพฤติกรรม ผอ.โรงเรียนใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่ชอบดื่มเหล้าเมาในเวลาราชการ โดยเรียกร้องให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 3 ย้ายภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากสุดทนกับพฤติกรรมและทำตัวไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งหน้าที่
วันนี้ (13 มิ.ย.) นายคำรณ ชูเดชา ผู้ประสานงานเครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจแอลกอฮอล์ กล่าวว่า จากข่าวและการติดตามรับเรื่องร้องเรียนของเครือข่ายฯพบว่า ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ.2551 ห้ามดื่มสุราในโรงเรียนยังพบมีการกระทำผิดจำนวนมากโดยพบการจัดกิจกรรมงานเลี้ยง งานเกษียณอายุ งานคอนเสิร์ตลานเบียร์ ที่จัดขึ้นในโรงเรียนโดยมักอ้างว่าเป็นข้อยกเว้น เป็นการจัดกิจกรรมตามประเพณี
นายคำรณ กล่าวว่า นอกจาก พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้ว กระทรวงศึกษาธิการยังได้ออกประกาศของกระทรวงรับลูกจาก พระราชบัญญัติฉบับนี้เอาไว้ชัดเจน ในกรณีนี้หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีการกินดื่มสุราในโรงเรียน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือนปรับไม่เกิน10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีความผิดทางวินัยอีกด้วย ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นเพียงส่วนน้อย แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้น ในขณะที่ทุกโรงเรียนมีมาตรการทางนโยบายโรงเรียนปลอดเหล้า หรือโรงเรียนสีขาว ดังนั้นกลไกกระทรวงต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่อยากให้มองว่าคำสั่งหรือนโยบายกระทรวง เป็นแค่เสือกระดาษ ที่ไม่มีการนำไปปฏิบัติในระดับโรงเรียน ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ จะรวบรวมข้อมูลการกระทำผิด เพื่อนำเสนอ ต่อ รมว.ศธ คนใหม่และอยากให้กระทรวงสร้างความเข้าใจมาตรการโซนนิ่งตามคำสั่ง22/2558 และการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ของบุคคลากรทางการศึกษา ตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย
“ผู้บังคับบัญชา ต้องใส่ใจและไม่ใช่แค่ตั้งกรรมการสอบ หรือสั่งย้าย สำนักงานเขตการศึกษาต้องเข้มงวดในเรื่องนี้ และควรเช็คว่าบุคลากรทางการศึกษายังมีพฤติกรรมที่เหมาะสมกับตำแหน่งอยู่หรือไม่ หากพบว่ามีอาการติดสุราควรเข้าสู่กระบวนการบำบัด ที่ผ่านมาเราพบครูบางท่านที่เสียคน เสียงานเสียการจากการดื่มสุรา ต้องไม่ลืมว่าสุราคือยาเสพติด เมื่อติด มันจะเสพมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงจุดอันตราย และเมื่อได้รมว.ศธ.คนใหม่เมื่อไร เครือข่ายฯจะนำรายชื่อโรงเรียนที่ทำผิดกฎหมาย ที่ได้รับการร้องเรียนจากทั่วประเทศ ไปมอบให้ท่านเพื่อดำเนินการเอาผิด” นายคำรณ กล่าว
นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ควรปล่อยให้เป็นภาระของหน่วยงานในพื้นที่เท่านั้น ตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นห้ามไม่ให้มีการขาย การดื่มในสถานศึกษาอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานศึกษา ที่ลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ 10 ส.ค.60 ซึ่งกำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งปลอดจากการสูบบุหรี่และดื่มสุรา โดยผู้บริหาร ครู ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ไม่สูบ ไม่ดื่มในสถานศึกษา
“กระทรวงต้องยอมรับว่าปัญหาแบบนี้มันมีอยู่จริง ไม่มีความจำเป็นต้องซุกไว้ใต้พรม ต้องมีมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ความจริงกระทรวงศึกษามีโครงการดีๆที่ส่งเสริมพฤติกรรมด้านดีของบุคลากรทางการศึกษาอยู่แล้ว เช่นโครงการครูดีไม่มีอบายมุข ที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ซึ่งเป็นโครงการที่มีประโยชน์และควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายผลไปสู่วงกว้างให้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็อยากให้กำลังใจผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนนี้ที่กล้าลุกขึ้นมาตรวจสอบ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ ถือเป็นแบบอย่างที่ดี ส่วนผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิใช้กระบวนการขั้นตอนตามกฎหมาย ในการพิสูจน์ตัวเอง” นายธีรภัทร์ กล่าว