จ่อตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อสูงวัย ในพื้นที่ สธ. คาดปลายปีลงนามร่วมกับ รมว.สธ.อาเซียนได้ อยู่ระหว่าง กต.และกฤษฎีการ่างกฎหมาย ช่วยได้ความรู้ เทคโนโลยีดูแลผู้สูงอายุ พร้อมดันไทยวางระบบยากำพร้า ยาต้านพิษอาเซียน
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงความสำเร็จจากการเข้าร่วมประชุมสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 72 เมื่อวันที่ 20-28 พ.ค. ที่สมาพันธรัฐสวิส ถึงการหารือร่วมกับ รมว.สธ.อาเซียนอย่างไม่เป็นทางการใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.การจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม (ACAI) ที่ประเทศไทย ซึ่งช่วงเริ่มต้นไทยจะลงทุนปีละ 5 ล้านเหรียญต่อกัน 5 ปี ซึ่งการที่ไทยได้รับเลือกเป็นที่ตั้งศูนย์ฯ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งในแง่ความรู้และเทคโนโลยีการดูแลผู้สูงอายุ เพราะขณะนี้เราก้าวเข้าสูงสังคมผู้สูงอายุแล้ว ซึ่งจะมีการลงนามความร่วมปลายปีนี้ โดยจะใช้สถานที่ของกรมการแพทย์เป็นที่จัดตั้งศูนย์ เป็นองค์กรระหว่างประเทศ ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากำลังร่างกฎหมายเพื่อรองรับ
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า 2.ศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกเพื่อป้องกันและดูแลด้านพิษวิทยา ไทยได้หารือการสร้างความร่วมมือในจัดหายากำพร้าและยาต้านพิษในกลุ่มประเทศอาเซียน พร้อมวางระบบรองรับในการดูแลผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเข้าถึงยากลุ่มนี้ในภูมิภาค ซึ่งทุกประเทศได้เห็นชอบรวมกัน โดยประเทศไทยจะรับเป็นศูนย์กลางในดำเนินการ และ 3.การแก้ไขปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่ต้องเร่งรณรงค์เพื่อป้องกัน โดยทุกประเทศต่างเห็นร่วมในการจัดตั้งกองทุนเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง และจะได้หารือในรายละเอียดต่อไป