กรมอนามัย ชี้ เคส ด.ญ.วัย 13 ปีท้อง หากฝากครรภ์แล้วจะดูแลไปจนหลังคลอด พ่วงเตรียมความพร้อมดูแลเด็กที่เกิดมา ป้องกันการท้องซ้ำ ห่วงเด็กอายุน้อยถูกผู้ใหญ่หลอกฟัน เหตุไม่เข้าใจความสัมพันธ์ คิดว่าเป็นแฟน รักดูแลแบบครอบครัว ย้ำเพศศึกษาต้องสอนให้แยกแยะเป็น เผยสถานการณ์ท้องวัยรุ่นดีขึ้น ลดเหลือ 40:1,000
วันนี้ (6 มิ.ย.) พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดกรมกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)กล่าวถึงกรณีสูตินรีแพทย์ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี พบเด็กหญิงอายุ 13 ปีตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ว่า การตั้งครรภ์ในเด็กอายุต่ำกว่า 19 ปีลงมา ถือว่าเป็นกลุ่มเฉพาะที่จะต้องมีการดูแลติดตาม คือ การให้ความรู้ และเน้นให้ฝากครรภ์โดยเร็ว เพราะเด็กอายุน้อยกว่า 19 ปี การเจริญเติบโตของเด็กในครรภ์จะไม่เหมือนกับคนอายุที่มีความพร้อม การมาฝากครรภ์จะได้รับการดูแลจนไปถึงหลังคลอดอย่างปลอดภัย และได้รับการดูแลทางด้านจิตใจและสังคมด้วย เนื่องจากการตั้งครรภ์ของเด็กวัยนี้มักจะพบปัญหา เช่น ไม่ได้อยู่กับพ่อเด็ก ไม่มีการบอกผู้ปกครอง ก็จะมีการประสานนักสังคมสงเคราะห์เข้ามาดูแลช่วยเหลือ และให้ทางเลือกเด็กได้ตัดสินใจโดยดูจากความพร้อมต่างๆ เช่น การเรียนระหว่างตั้งครรภ์ การเรียนต่อหลังคลอด การเลี้ยงลูกที่เกิดมาอย่างไร หรือหากไม่พร้อมจะมีการอุปถัมภ์อย่างไร เป็นต้น
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า หลังจากมี พ.ร.บ.ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างไปออกกฎเกณฑ์ของหน่วยงานเพื่อดูแล ป้องกัน และช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในความดูแล เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานประกอบการ ชุมชน ด้านพัฒนาสังคม เป็นต้น จากการดำเนินการร่วมกันพบว่า การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่ำกว่า 19 ปีลดลง และคิดว่าจะลดลงได้เรื่อยๆ ซึ่งเดิม ด.ญ.อายุ 15-19 ปีอัตราตั้งครรภ์อยู่ที่ 50:1,000 แต่ปีนี้ลดลงมาอยู่ที่ 40:1,000 คาดว่าสิ้นแผนการดำเนินการน่าจะลดลงมาได้ถึง 20:1,000 แต่เป้าหมายจริงๆ ตามสากลจะอยู่ที่ 10:1,000 และจะดูแลเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ซ้ำก่อนที่จะมีความพร้อมด้วย
พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สำหรับกรณี ด.ญ.อายุ 13 ปีก็จะได้รับการดูแลตามระบบที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมาถือเป็นเคสที่ไม่ปกติ จะต้องเข้าสู่โปรแกรมในการคุ้มครองเด็กด้วย เพราะอาจเป็นการตั้งครรภ์โดยที่ตัวเด็กไม่ได้มีความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่การตั้งครรภ์ในวัยนี้มีไม่มาก อยู่ที่ประมาณ 0.5:1,000 ในกลุ่ม ด.ญ.อายุต่ำกว่า 14 ปี ซึ่งยอมรับว่าทุกวันนี้น่าเป็นห่วง เพราะ ด.ญ.ปัจจุบันมีการโตเร็ว ประจำเดือนมาเร็ว อายุเพียง 11-12 ปีก็มีประจำเดือนแล้วยังอยู่ในช่วงชั้นประถมศึกษาด้วยซ้ำ สาเหตุที่เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีตั้งครรภ์ ปัจจัยจะคล้ายคลึงกัน คือ เข้าใจว่าเป็นแฟนหรือคบกัน แต่ยังไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ 1.คบกับผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าเยอะ เด็กอาจเข้าใจว่าเป็นแฟน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ จึงตามมาด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องของการคุมกำเนิด และ 2.คบกับคนในวัยเดียวกันหรืออายุมากกว่าเล็กน้อย แต่หากเป็นเด็กอายุน้อยกว่านี้มักจะพบว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้เด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ เพราะสุดท้ายแล้วอาจแค่โดนผู้ใหญ่หลอกฟัน พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า การปกป้องตัวเองทางเพศในเด็ก ถือเป็นส่วนหนึ่งของเพศศึกษาในเด็ก ซึ่งเพศศึกษาในประถมไม่ได้สอนเหมือนมัธยม โดยในเด็กประถมเราอาจต้องสอนเพศศึกษาที่เน้นเรื่องของการเข้าใจในความสัมพันธ์ เพราะบางทีก็เข้ามาในรูปแบบของครอบครัวก็มี เด็กอาจยังแยกไม่ออกระหว่างการเข้ามาในแบบคนใกล้ชิดในครอบครัว หรือเริ่มมาแบบแสดงความรัก หรือเข้ามาแบบต้องการอไรที่มากกว่าการดูแล ถ้ายังเล็กก็ต้องมาสอนเรื่องการเข้าใจการแยกแยะคนที่เข้ามาพูดกับการมาสัมผัสร่างกายต้องแยกออกจากกัน ทำอย่างไรให้มั่นใจว่าเรื่องนี้สามารถคุยกับผู้ใหญ่ได้ ซึ่งต้องทำงานกับครอบครัวและครู
เมื่อถามว่า จะสร้างความเข้มแข็งทางใจอย่างไรให้เด็กวัยรุ่นหลงคารมขอมีเพศสัมพันธ์ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า เรื่องนี้เราสอนเป็นห่วงโซ่ 4 ตัว คือ 1.ร่างกายของเรา สอนว่ามีสิทธิเสมอที่จะปฏิเสธถ้ารู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ เด็กไทยจะเป็นมากเมื่อรู้สึกอึดอัดแล้วแต่กลับปล่อยไปเรื่อยๆ เรื่องความรักความสัมพันธ์มาแตะเนื้อต้องตัวต้องแยกออกจากกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ความสัมพันธ์มารักษาความรัก แต่ถ้าเลือกมีเพศสัมพันธ์ก็ต้องมาห่วงที่ 2 คือต้องป้องกันตนเอง มิเช่นนั้นจะตามมาด้วยการตั้งครรภ์ ซึ่งภาระจะอยู่ที่ผู้หญิงเป็นหลัก ถ้ามีความสัมพันธ์ต่อเนื่องโดยสม่ำเสมอ ต้องไปห่วงที่ 3 คือการคุมกำเนิดเป็นเรื่องเป็นราว จะมาใช้วิธีคุมกำเนิดแบบไม่มีข้อมูลอ้างอิงไม่ได้ ซึ่งเด็กยังไม่เข้าใจ ใช้ยาคุมอย่างไร ใช้ถุงยางอนามัยอย่างไร และห่วงสุดท้าย คือ ถ้าผิดพลาดขึ้นมาเมื่อตั้งครรภ์ จะมีทางเลือกอย่างไร มิเช่นนั้นก็จะแอบคลอดทิ้งไว้หรือทำแท้งเถื่อน ในวิธีที่ไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่า เด็กวัยรุ่นเข้าถึงบริการคลินิกตั้งครรภ์วัยรุ่นที่เป็นมิตรมากขึ้นหรือไม่ พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า สถานการณ์ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะโรงพยาบาลไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่เด็กเดินเข้ามา ก็ต้องมีมาตรการในการลงไปทำงานในพื้นที่ในชุมชนมากขึ้น ซึ่งเรามีการทำงานเป็นเครือข่าย เพื่อให้เด็กที่ตั้งครรภ์เข้าถึงบริการฝากครรภ์ เช่น มีเครือข่ายร้านยาในชุมชน เพราะเป้นสถานที่ที่เด็กเมื่อมีปัญหาแล้วจะไปซื้ออุปกรณ์ ก็ให้ช่วยให้คำแนะนำและส่งต่อมายังระบบ หรือการจัดตั้งมุมในร้านหนังสือ พื้นที่ทำกิจกรรมในชุมชน ซึ่งเด็กที่ไม่มีปัญหามักจะไม่สนใจ แต่หากสนใจเขาจะเข้ามาหาข้อมูล หรือครูในโรงเรียนที่จะเข้ามาช่วยดูเร่องนี้โดยเฉพาะ ก็เป็นอีกหนทางในการดึงเด็กตั้งครรภ์เข้าสู่ระบบ