xs
xsm
sm
md
lg

บอร์ดคุมยาสูบไฟเขียว ดัน "ยาเลิกบุหรี่" เข้าบัญชียาหลักฯ เผย 4 อาการคนติดบุหรี่ต้องใช้ยา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บอร์ดควบคุมยาสูบเห็นชอบ ดัน "ยาเลิกบุหรี่" เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ อยู่ระหว่างวางหลักเกณฑ์ใช้ยา ก่อนเสนอ คกก.บัญชียาหลักฯ พิจารณา ชี้คนติดบุหรี่เข้าเกณฑ์ใช้ยา คือ สูบทันทีใน 30 นาทีแรกที่ตื่นนอน ป่วยก็ยังสูบ ทำงานอยู่ก็ต้องสูบ สูบมากกว่า 20 มวนต่อวัน มีราว 2.3 ล้านคน ชี้เข้าถึงยาช่วยค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ

วันนี้ (5 มิ.ย.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมมีมติให้จัดตั้งคณะกรรมการควบคุมยาสูบประจำจังหวัด พร้อมผู้ช่วยฝ่ายกฎหมาย เพื่อมาดำเนินการเรื่องการควบคุมยาสูบโดยเฉพาะ ให้การทำงานระดับจังหวัดมีความชัดเจน และให้มีการนำจังหวัดที่ดำเนินการแก้ไขปัญหายาสูบในระดับพื้นที่ได้ดีมาเป็นแบบอย่าง เช่น สงขลา สกลนคร อุดรธานี และเชียงราย เป็นต้น ขณะเดียวกันที่ประชุมจะเร่งผลักดันเรื่องการบรรจุ "ยาเลิกบุหรี่" เข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ให้คณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติพิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางหลักเกณฑ์การจ่ายยา เบื้องต้น คือ ต้องเหมาะสมกับประเภท ผู้สมควรรับยา และผู้สั่งจ่ายต้องเป็นแพทย์เท่านั้น

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ทั้งนี้ 4 กลไกที่ต้องทำของคณะกรรมการยาสูบระดับจังหวัด คือ 1.จัดทำระบบเฝ้าระวังและติดตามผลิตภัณฑ์ยาสูบ 2.ป้องกันนักสูบหน้าใหม่ โดยให้ประสานการทำงานร่วมกับโรงเรียนทั่วประเทศ 3.ช่วยเหลือผู้เสพติดบุหรี่ให้เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ และ 4.ผลักดันเรื่องสถานที่ปลอดบุหรี่ให้สำเร็จ โดยบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเข้มข้น

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์ของผู้ที่เหมาะสม สมควรได้รับยาจากลดอาการอยากบุหรี่ ตามที่จะเสนอคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาตินั้น ประกอบด้วย 1.ต้องเป็นผู้ที่ตื่นนอนแล้ว สูบบุหรี่ทันทีภายใน 30 นาทีแรก 2.แม้ป่วยเป็นไข้หวัด แต่ก็ยังสูบบุหรี่ 3. แม้ทำงานอยู่ในห้องประชุมก็ต้องออกมาสูบบุหรี่ และ 4.มีอัตราการสูบบุหรี่มากกว่า 20 มวนต่อวัน ซึ่งปัจจุบันพบอัตราการสูบบุหรี่ของคนกลุ่มนี้มีถึง 2 ล้านคน ขณะที่ผู้สูบบุหรี่ในอัตรา 10 มวนต่อวัน มีประมาณ 10 ล้านคน ซึ่งคนกลุ่มนี้ หากอยากเลิกบุหรี่จะต้องได้รับคำปรึกษาทั่้วไป แต่ไม่ครอบคลุมการให้ยาเลิกบุหรี่ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้ยา

"เดิมยานี้มีบริการอยู่แล้ว แต่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง ซึ่งยาถือว่ามีคำจำเป็นสำหรับรายที่ติดบุหรี่อย่างหนักจนไม่สามารถเลิกได้ด้วยเอง ซึ่งมีประมาณ 2.3 ล้านคน การทำให้ผู้ติดบุหรี่อย่างหนักได้เข้าถึงยาจะช่วยลดความสูญเสียด้านสุขภาพและค่าใช้จ่ายได้มาก เพราะเมื่อเทียบความสูญเสียในผู้ป่วยโรคเดียวกัน ระหว่างผู้ที่สูบบุหรี่กับไม่สูบ พบว่าผู้สูบบุหรี่ต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่ ร้อยละ 40 และผู้สูบต้องเสียค่าใช้จ่ายรักษาสูงกว่าคนไม่สูบถึงร้อยละ 60" ศ.นพ.ประกิต กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น