กทม. เปิดระบบ "Pipe Jacking" แห่งแรก ย่านทรงสวัสดิ์ เยาวราช และเจริญกรุง หลังก่อสร้างแล้วเสร็จ พิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเขตสัมพันธวงศ์ 1 ใน 17 เสี่ยงน้ำท่วมช่วงฤดูฝน เผยสั่งพร่องน้ำในคลอง ขุดลอกคูคลองเปิดทางน้ำไหล จัด จนท.เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมแล้ว
วันนี้ (19 พ.ค.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม (Pipe Jacking) บริเวณถนนทรงสวัสดิ์ ถนนเยาวราช และถนนเจริญกรุง ว่า พื้นที่ย่านนี้เป็นชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่นของชุมชนสูง ระบบท่อระบายน้ำมีขนาดเล็ก จึงระบายน้ำไม่เต็มประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะเมื่อเกิดฝนตกหนัก การปรับปรุงระบบระบายน้ำทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากมีแนวสาธารณูปโภคใต้ดิน ได้แก่ แนวท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน แนวท่อร้อยสายโทรศัพท์ใต้ดิน และแนวท่อประปาจำนวนมาก การก่อสร้างขุดเปิดผิวการจราจร จะส่งผลกระทบต่อประชาชน เพิ่มปัญหาการจราจร ซึ่งเดิมติดขัดมากอยู่แล้ว
"พื้นที่เขตสัมพันธวงศ์ บริเวณถนนเยาวราชฝั่งเหนือ จากถนนทรงสวัสดิ์ถึงถนนราชวงศ์ และถนนเจริญกรุง จากถนนแปลงนามถึงแยกหมอมี เป็น 1 ในพื้นที่จุดเสี่ยงน้ำท่วมขัง 17 จุด เมื่อฝนตกในปริมาณที่มากกว่า 60 มิลลิเมตร/ชั่วโมง จะก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังส่งผลกระทบต่อปัญหาการจราจรในบริเวณดังกล่าว กทม.จึงพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยก่อสร้างระบบระบายน้ำด้วยวิธีดันท่อ (Pipe Jacking) ประกอบด้วย ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.8 ม. ยาว 560 ม. ด้วยวิธีดันท่อ บ่อสูบน้ำค.ส.ล. 1 บ่อ บ่อรับ 2 บ่อ บ่อดันท่อ 2 บ่อ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า กำลังสูบ 4.50 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะรับน้ำบริเวณถนนทรงสวัสดิ์ ถนนเยาวราช ถนนเจริญกรุง และแยกหมอมี ผ่านระบบท่อระบายน้ำใต้ดินมาเข้าบ่อสูบน้ำบริเวณท่าน้ำสวัสดี ระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา การทำงานจะแบ่งเป็น 2 ระบบ คือระบบอัตโนมัติและใช้เจ้าหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานในช่วงที่ฝนตก" นายจักกพันธุ์ กล่าว
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้การก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยสามารถเปิดเดินระบบได้แล้ว โดยจะป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในถนนสายหลัก เพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำให้ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด โดยถือว่าเป็นโครงการแรกที่แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม โครงการ Pipe Jacking ยังมีอีก 13 โครงการ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของ กทม.ให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมช่วงฤดูฝน โดยจุดเสี่ยงน้ำท่วม 17 จุด และจุดเฝ้าระวังน้ำท่วม 53 จุด ซึ่งต้นปีที่ผ่านมาสำนักการระบายน้ำและ 50 สำนักงานเขต ได้ล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำและขุดลอกคูคลองเปิดทางน้ำไหล ส่วนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเจ้าหน้าที่ 24 ชั่วโมง ในการเข้าพื้นที่ก่อนที่ฝนจะตก ขณะฝนตก และหลังฝนหยุดตก ซึ่งสำนักการระบายน้ำมีศูนย์เรดาร์ตรวจอากาศอยู่ 3 แห่ง ได้แก่ หนองแขม หนองบอน และหนองจอก ตรวจจับกลุ่มเมฆฝน ซึ่งจะทราบล่วงหน้าก่อนฝนเข้าพื้นที่ 3 ชั่วโมง เพื่อแจ้งเตือนผ่านระบบต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ทราบ แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าปริมาณฝนมีมากหรือน้อย ทราบแต่ทิศทาง นอกจากนี้ กทม.ยังลดระดับน้ำในคลองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อรองรับปริมาณฝนที่ตกลงมา โดยอยากขอความร่วมมือประชาชนช่วยดูแลรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งเศษขยะหรือวัสดุสิ่งของ เศษอาหารหรือไขมันลงในท่อหรือตระแกรงระบายน้ำ ปัญหาเรื่องบ่อพักหรือท่อระบายน้ำอุดตันก็จะหมดไป ช่วยให้การแก้ปัญหาน้ำท่วมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
