โดย... ผศ.นพ.กัมพล เอี่ยมพนากิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
หลายครั้งที่เราค้นพบ "รอยดำ" บริเวณผิวหนัง บางคนอาจไม่สนใจ แต่บางคนรู้สึกว่า ทำให้เสียบุคลิก เกิดความไม่มั่นใจ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยขอไขข้อกระจ่างในเรื่องนี้ไว้ว่ารอยดำที่ผิวหนังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยเนื่องจากสามารถมองเห็นได้ สร้างความกังวลสำหรับผู้ที่เป็นรวมไปถึงเป็นจุดสนใจสำหรับคนรอบข้าง
รอยดำที่พบบ่อยคือรอยดำที่เกิดภายหลังการอักเสบ เรียกว่า post-inflammatory hyperpigmentation โดยเกิดตามหลังโรคผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ ซึ่งภาวะรอยดำภายหลังการอักเสบเป็นภาวะไม่ได้อันตรายและสามารถจางหายได้เอง แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงปี อย่างไรก็ตาม มีรอยดำภายหลังจากอักเสบบางชนิด หรือ โรคที่มีรอยดำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตที่สำคัญ ได้แก่ มะเร็งผิวหนัง และโรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเอง
มะเร็งผิวหนัง มี 2 ชนิดใหญ่ ได้แก่ 1. มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา ประกอบด้วย มะเร็งเบซัลเซลล์ และมะเร็งสความัสเซลล์ และ 2.มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา โดยมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาพบบ่อยมากกว่า และเกิดบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสแสงแดดมานาน เช่นที่ใบหน้า
ลักษณะของมะเร็งเบซัลเซลล์ มักพบเป็นสีดำ ขอบยกนูนโตช้า สำหรับมะเร็งสความัสเซลล์พบเป็นผื่นแดง ขอบเขตชัด บางรายมีรอยดำร่วมด้วย และมักเกิดแผลได้บ่อย ส่วนมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเป็นชนิดที่พบได้น้อยในประเทศไทย แต่ความสำคัญ คือ เป็นมะเร็งผิวหนังที่มีความรุนแรงมากที่สุด พบการแพร่กระจายไปอวัยวะต่างๆ ได้เร็ว มะเร็งเมลาโนมามักเกิดจากไฝซึ่งเป็นเนื้องอกที่ผิวหนังที่พบได้บ่อย พบได้ทุกบริเวณในร่างกาย โดยลักษณะที่บงชี้ว่า ไฝมีการกลายเป็นมะเร็งเมลาโนมา ได้แก่ รูปร่างไม่สมมาตร ขอบไม่เรียบสม่ำเสมอ มีหลายสีทั้งสีดำเข้มและจาง ขนาดมากกว่า 6 มิลลิเมตร และโตเร็ว
โรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเอง เกิดจากภาวะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายสร้างผิดปกติมากขึ้นส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงผิวหนัง โดยโรคที่มีภาวะผิวหนังเป็นรอยดำ ได้แก่ โรคหนังแข็ง และโรคแพ้ภูมิตนเองเอสแอลอีหรือโรคลูปัส โดยโรคหนังแข็งพบอาการบวมตึงที่ผิวหนังบริเวณมือ เท้าและใบหน้า พบการเปลี่ยนแปลงสีผิวทั้งรอยขาวและรอยดำ ซึ่งอาจพบลักษณะรอยดำคล้ำทั่วทั้งร่างกายได้ และพบอาการร่วมในระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบหายใจ พบอาการเหนื่อยง่าย ระบบทางเดินอาหาร พบอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องอืด เป็นต้น
โรคแพ้ภูมิตนเองเอสแอลอีหรือโรคลูปัส พบผื่นผิวหนังอักเสบได้ โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณที่สัมผัสแสงแดด และพบรอยดำได้ที่บริเวณใบหูและหนังศีรษะ สามารถพบอาการผมร่วงและแผลในปากร่วมด้วยได้ และพบอาการร่วมในระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบเลือด พบอาการซีด เพลีย เลือดออกง่าย ระบบไต พบปัสสาวะเป็นฟอง ปริมาณลดลง หรือปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ และอาการปวดข้อ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้ามีรอยดำที่ผิดปกติโดยเฉพาะที่มีลักษณะตามที่ได้กล่าวข้างต้น หรือมีอาการร่วมในระบบต่างๆ ของร่างกายควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเพื่อให้การวินิจฉัยทันท่วงที และให้การรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งโรคบางอย่างสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น มะเร็งเบซัลเซลล์ มะเร็งสความัสเซลล์ เป็นต้น แต่บางภาวะโดยเฉพาะโรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเองสามารถรักษาโดยควบคุมอาการของโรคและช่วยให้รอยโรคผิวหนังดีขึ้นได้
หากเกิดปัญหากับตัวเองหรือคนใกล้ตัว ถ้าต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ เว็บไซต์ www.dst.or.th ของ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย หรือเฟซบุ๊ก ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง
หลายครั้งที่เราค้นพบ "รอยดำ" บริเวณผิวหนัง บางคนอาจไม่สนใจ แต่บางคนรู้สึกว่า ทำให้เสียบุคลิก เกิดความไม่มั่นใจ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยขอไขข้อกระจ่างในเรื่องนี้ไว้ว่ารอยดำที่ผิวหนังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยเนื่องจากสามารถมองเห็นได้ สร้างความกังวลสำหรับผู้ที่เป็นรวมไปถึงเป็นจุดสนใจสำหรับคนรอบข้าง
รอยดำที่พบบ่อยคือรอยดำที่เกิดภายหลังการอักเสบ เรียกว่า post-inflammatory hyperpigmentation โดยเกิดตามหลังโรคผิวหนังอักเสบชนิดต่างๆ ซึ่งภาวะรอยดำภายหลังการอักเสบเป็นภาวะไม่ได้อันตรายและสามารถจางหายได้เอง แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงปี อย่างไรก็ตาม มีรอยดำภายหลังจากอักเสบบางชนิด หรือ โรคที่มีรอยดำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตที่สำคัญ ได้แก่ มะเร็งผิวหนัง และโรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเอง
มะเร็งผิวหนัง มี 2 ชนิดใหญ่ ได้แก่ 1. มะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมา ประกอบด้วย มะเร็งเบซัลเซลล์ และมะเร็งสความัสเซลล์ และ 2.มะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา โดยมะเร็งผิวหนังชนิดไม่ใช่เมลาโนมาพบบ่อยมากกว่า และเกิดบริเวณผิวหนังที่มีการสัมผัสแสงแดดมานาน เช่นที่ใบหน้า
ลักษณะของมะเร็งเบซัลเซลล์ มักพบเป็นสีดำ ขอบยกนูนโตช้า สำหรับมะเร็งสความัสเซลล์พบเป็นผื่นแดง ขอบเขตชัด บางรายมีรอยดำร่วมด้วย และมักเกิดแผลได้บ่อย ส่วนมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาเป็นชนิดที่พบได้น้อยในประเทศไทย แต่ความสำคัญ คือ เป็นมะเร็งผิวหนังที่มีความรุนแรงมากที่สุด พบการแพร่กระจายไปอวัยวะต่างๆ ได้เร็ว มะเร็งเมลาโนมามักเกิดจากไฝซึ่งเป็นเนื้องอกที่ผิวหนังที่พบได้บ่อย พบได้ทุกบริเวณในร่างกาย โดยลักษณะที่บงชี้ว่า ไฝมีการกลายเป็นมะเร็งเมลาโนมา ได้แก่ รูปร่างไม่สมมาตร ขอบไม่เรียบสม่ำเสมอ มีหลายสีทั้งสีดำเข้มและจาง ขนาดมากกว่า 6 มิลลิเมตร และโตเร็ว
โรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเอง เกิดจากภาวะที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายสร้างผิดปกติมากขึ้นส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงผิวหนัง โดยโรคที่มีภาวะผิวหนังเป็นรอยดำ ได้แก่ โรคหนังแข็ง และโรคแพ้ภูมิตนเองเอสแอลอีหรือโรคลูปัส โดยโรคหนังแข็งพบอาการบวมตึงที่ผิวหนังบริเวณมือ เท้าและใบหน้า พบการเปลี่ยนแปลงสีผิวทั้งรอยขาวและรอยดำ ซึ่งอาจพบลักษณะรอยดำคล้ำทั่วทั้งร่างกายได้ และพบอาการร่วมในระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบหายใจ พบอาการเหนื่อยง่าย ระบบทางเดินอาหาร พบอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องอืด เป็นต้น
โรคแพ้ภูมิตนเองเอสแอลอีหรือโรคลูปัส พบผื่นผิวหนังอักเสบได้ โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณที่สัมผัสแสงแดด และพบรอยดำได้ที่บริเวณใบหูและหนังศีรษะ สามารถพบอาการผมร่วงและแผลในปากร่วมด้วยได้ และพบอาการร่วมในระบบต่างๆ ได้แก่ ระบบเลือด พบอาการซีด เพลีย เลือดออกง่าย ระบบไต พบปัสสาวะเป็นฟอง ปริมาณลดลง หรือปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ และอาการปวดข้อ เป็นต้น
ดังนั้น ถ้ามีรอยดำที่ผิดปกติโดยเฉพาะที่มีลักษณะตามที่ได้กล่าวข้างต้น หรือมีอาการร่วมในระบบต่างๆ ของร่างกายควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังเพื่อให้การวินิจฉัยทันท่วงที และให้การรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งโรคบางอย่างสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น มะเร็งเบซัลเซลล์ มะเร็งสความัสเซลล์ เป็นต้น แต่บางภาวะโดยเฉพาะโรคกลุ่มแพ้ภูมิตนเองสามารถรักษาโดยควบคุมอาการของโรคและช่วยให้รอยโรคผิวหนังดีขึ้นได้
หากเกิดปัญหากับตัวเองหรือคนใกล้ตัว ถ้าต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าชมได้ที่ เว็บไซต์ www.dst.or.th ของ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย หรือเฟซบุ๊ก ครบเครื่องเรื่องผิวหนัง