รองผู้ว่าฯ กทม. เผยเขตสายไหม-ลาดพร้าว ตอกเสาเข็มเขื่อนคลองลาดพร้าวแล้วเสร็จ ลุยกดแผงกันดิน ทำคานทางเดิน ราวกันตก พร้อมขุดลอกคลองกว้างขึ้น ลึกขึ้น รองรับน้ำเพิ่ม 3 เท่า น้ำไหลได้เร็วขึ้น รับมือหน้าฝน
วันนี้ (11 พ.ค.) นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังติดตามโครงการก่อสร้างเขื่อน ค.ส.ล.คลองลาดพร้าว เพื่อเตรียมความพร้อมปัญหาน้ำท่วมช่วงฤดูฝน ว่า เขื่อน ค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ครอบคลุมพื้นที่ 8 เขต ได้แก่ วังทองหลาง ห้วยขวาง ลาดพร้าว จตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และสายไหม มีความยาว 2 ฝั่งคลอง รวม 45.3 กม. มีบ้านเรือนประชาชนรุกล้ำคลองลาดพร้าว 6,638 หลัง อยู่ในแนวพื้นที่โครงการก่อสร้างเขื่อน 3,761 หลัง ยินยอมเข้าร่วมโครงการ 3,257 หลัง ไม่ยินยอม 504 หลัง ปัจจุบันรื้อย้ายบ้านได้แล้ว 1,724 หลัง ยังไม่ได้รื้อย้ายอีก 1,533 หลัง ปัจจุบันสามารถตอกเสาเข็มได้ 30,763 ต้น ยาวรวม 23,199 เมตร ผลงานทั้งโครงการทำได้กว่า 40.5%
ในพื้นที่เขตสายไหมและเขตลาดพร้าว ประชาชนให้ความร่วมมือในการรื้อย้ายบ้านเรือนออกไป ทำให้ กทม.สามารถส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับจ้างดำเนินการตอกเสาเข็มได้ โดยพื้นที่เขตสายไหมตอกเสาเข็มแล้วยาว 7,056 ม. แล้วเสร็จ ยกเว้นพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ 41 ม. ส่วนการตอกเสาเข็มในพื้นที่เขตลาดพร้าวยาว 1,170 ม. แล้วเสร็จเช่นกัน จากนั้นผู้รับจ้างจะกดแผงกันดิน ทำคานทางเดิน และติดตั้งราวกันตกให้แล้วเสร็จ พร้อมขุดลอกคลองลาดพร้าว ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่ในการรองรับน้ำได้มากขึ้น จากที่มีความกว้าง 20-25 ม. จะกว้างมากขึ้นเฉลี่ย 22-35 ม. ลึกเดิม 2 ถึง 2.5 เมตร จะมีความลึก 4 เมตร รองรับปริมาณน้ำได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากเดิม 0.9 ล้านลบ.ม. เป็น 2.4 ล้านลบ.ม. เพิ่มอัตราการไหลของน้ำได้เร็วขึ้นจากเดิม 10-15 ลบ.ม./วินาที เป็น 40 ลบ.ม./วินาที
"เมื่อโครงการก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. คลองลาดพร้าว ในพื้นที่เขตสายไหมและเขตลาดพร้าวแล้วเสร็จทั้งหมด จะเป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบในการก่อสร้างเขื่อนค.ส.ล. คลองลาดพร้าว เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนริมฝั่งคลองลาดพร้าวให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการพัฒนาคลองลาดพร้าวให้แก่สำนักงานเขตอื่นๆ ดำเนินการต่อไป" นายจักกพันธุ์ กล่าว