"ธีระเกียรติ" สกัดกลุ่มค้านพ.ร.ก.การศึกษาชาติ หลังครม.ไม่มีมติ รอรัฐบาลหน้าพิจารณา ฟาก กอปศ.ห่วงหวั่นถูกแก้ไขในสภาฯ
วันนี้ (8 พ.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเร็ว ๆ นี้ พิจารณาร่าง พ.ร.ก.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. … โดยครม.มีมติชัดเจนว่า จะไม่มีการออกเป็น พ.ร.ก. เพราะยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่สามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ ดังนั้นจึงต้องรอรัฐบาลหน้ามาพิจารณา และเสนอให้สภาฯ ให้ความเห็นชอบ ส่วนรัฐบาลหน้าจะรับลูกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
“ผมอยากแจ้งให้ทราบชัดเจนว่า รัฐบาลนี้จะไม่ออก กฎหมายการศึกษาแห่งชาติ เป็นพ.ร.ก. ใครที่ออกคัดค้านจะได้ไม่ต้องออกมาประท้วง เพราะต้องรอให้รัฐบาลหน้าพิจารณา เสนอเข้าสภาฯ ตามขั้นตอน ส่วนจะรับลูกต่อหรือไม่นั้น ผมก็ตอบไม่ได้ คงต้องไปถามรัฐบาลหน้า “นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการก่อสร้าง การก่อสร้าง โครงการสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ อควาเรียมหอยสังข์ ที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ อ.เมือง จ.สงขลานั้น ยืนยันว่าต้องเดินหน้าต่อโดย ดร.สุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เสนอรายการก่อสร้างมาแล้ว เตรียมเสนอครม. ขอใช้งบฯในการก่อสร้างประมาณ 500 ล้านบาท รวมถึงจะส่งมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นผู้ดูแล ซึ่งที่ผ่านมาทางทส. เคยรับจะดูแลแล้วด้วยวาจา แต่คงต้องเสนอเข้าครม.พิจารณาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ด้าน รศ.ดร.ดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.) กล่าวว่า ยอมรับว่า กอปศ. ค่อนข้างกังวล หากไม่สามารถออกพ.ร.ก. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..ภายในรัฐบาลนี้ อาจต้องใช้เวลา อีกทั้งเมื่อเสนอเข้าสู่การพิจารณาสภาฯ อาจถูกปรับแก้ จนหลักการต่างๆ ที่วางไว้ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ แต่ก็เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และครม. น่าจะมีเหตุผล อยากให้ผ่านสภาฯ ตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งจากนี้ต้องเป็นหน้าที่ของศธ. ที่ต้องเดินหน้าผลักดัน และไม่ว่าพรรคการเมืองใด จะเข้ามาดูแลศธ. ก็เชื่อว่า จะเห็นความสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาและผลักดันให้เกิดพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติขึ้นโดยเร็วตามที่ได้หาเสียงไว้
“กอปศ.สบายใจอย่างหนึ่งคือ แผนปฏิรูปประเทศผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว รอประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งในแผนดังกล่าว กำหนดเรื่องการปฏิรูปการศึกษาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นหากพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.. ยังไม่เกิดขึ้น จะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ที่จะดูแลการศึกษาในภาพรวมทั้งประเทศ ยังไม่เกิดตามไปด้วย เป็นหน้าที่ของศธ. ที่ต้องเร่งผลักดัน ส่วนคนที่ออกมาคัดค้านและหวังจะไปปรับแก้ในช่วงการพิจารณาของสภาฯชุดใหม่ นั้น มั่นใจว่า หลักการใหญ่ๆ ที่วางไว้จะไม่ถูกปรับแก้ โดยอยากให้ผู้ที่คัดค้านทำความเข้าใจ และศึกษาหลักการของพ.ร.บการศึกษาแห่งชาติ ฉบับใหม่ ซึ่งจะเน้นการเพิ่มคุณภาพการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความสามารถในการแข่งขัน เรื่องที่ออกมาคัดค้านเป็นเพียบประเด็นเล็ก อาทิ การกำหนดชื่อตำแหน่งครูใหม่ ซึ่งต้องการให้ความสำคัญกับความเป็นครู ไม่ใช่ลดทอนคุณค่าให้ครูเป็นเพียงอาชีพหนึ่งเท่านั้น”รศ.ดร.ดารณี กล่าว