กรมการแพทย์ เผยอบรม "หมอ-เภสัช" จ่ายกัญชา ผ่านอบรม 175 คน ไม่ผ่าน 17 คน เหตุเข้าอบรมไม่ครบเวลา 15 ราย สอบไม่ผ่าน 2 ราย เตรียมส่งชื่อขึ้นทะเบียนทาง อย. เตรียมจัดอบรมรอบพิเศษให้ รพ.สังกัด สธ. พร้อมชวนมหา'ลัย หน่วยงานต่างๆ จัดอบรม ส่งหลักสูตรให้ สธ.พิจารณา
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการจัดอบรมการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ สำหรับ แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร รุ่นแรก เมื่อวันที่ 29-30 เม.ย. 2562 ว่า ผู้ที่เข้ารับการอบรมครบทั้ง 2 วัน มีจำนวนทั้งสิ้น 192 ราย จากทั้งหมด 200 ราย จำนวนนี้ผ่านการอบรม 175 ราย หรือผ่านร้อยละ 91 ไม่ผ่านการอบรมจำนวน 17 ราย ซึ่งเกิดจากอยู่เข้าร่วมการอบรมไม่ครบเวลาที่กำหนด 15 ราย และอีก 2 ราย สอบไม่ผ่าน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางกรมการแพทย์ได้ส่งรายชื่อทั้ง 175 รายให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นผู้สั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์แล้ว ซึ่งโดยหลักการเมื่อผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.ก็จะสามารถจ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชาได้
“การจะจ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชาได้นั้น โรงพยาบาลไม่ว่าจะของรัฐหรือเอกชนต้องมีการมาขออนุญาตจาก อย.ก่อนด้วย และในโรงพยาบาลที่จะจ่ายยากัญชาได้ ต้องมีทั้งแพทย์และเภสัชกรที่ผ่านการอบรมและได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้วเท่านั้น โดยแพทย์มีหน้าที่สั่งจ่ายยา ส่วนเภสัชกรมีหน้าที่จ่ายยา เหมือนกรณีการจ่ายมอร์ฟีน เนื่องจากสารสกัดจากกัญชา ถือเป็นสารที่ควบคุมเหมือนมอร์ฟีน ที่ต้องไปขึ้นทะเบียนและมีรายงานการใช้” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ในเดือน พ.ค.นี้ กรมการแพทย์จะมีการจัดการอบรมการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์รุ่นที่ 2 โดยจะเปิดรับสมัครทางระบบออนไลน์ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2562 ใกรมการแพทย์จะจัดการอบรมได้ 6 รอบ เบื้องต้นมีการหารือกันว่า จะมีการจัดอบรมให้โรงพยาบาลในสังกัดของ สธ.จากทั่วประเทศ เป็นการเฉพาะอีก 1 รอบ เพราะจะได้มีโรงพยาบาลที่มีความพร้อมสามารถสั่งจ่ายสารสกัดจากกัญชาให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในต่างจังหวัดได้ นอกจากนี้ อยากขอเชิญชวนมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานต่างๆ ที่มีความพร้อม และอยากจะจัดหลักสูตรอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ โดยในการที่จะจัดหลักสูตรได้มีมาตรฐาน 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ส่งรายละเอียดหลักสูตรมาให้กรรมการพิจารณารับรองหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ก่อน 2 เดือน 2.ต้องส่งรายชื่อวิทยากรพร้อมคุณวุฒิของวิทยากร 3.ต้องมีคู่มือการอบรม และ4.ต้องระบุว่าผู้ที่ผ่านการอบรมต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง เช่น ของกรมการแพทย์ผู้เข้าอบรมต้องผ่านการทดสอบให้ได้ 60 % ถึงจะได้การรับรอง เป็นต้น