กรมจัดหางาน ย้ำ "แรงงานต่างด้าว" เข้าออกงาน "นายจ้าง" ต้องแจ้งกรมฯ ภายใน 15 วัน ส่วนนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบ MOU ต้องแจ้งภายใน 7 วัน ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 20,000 บาท
วันนี้ (22 เม.ย.) นางเพชรรัตน์ สินอวย อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า ขณะนี้นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวทำงานยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการแจ้งเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าว ดังนั้น กกจ.จึงขอย้ำให้นายจ้างทราบว่า พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 มาตรา 13 กำหนดให้นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวทำงาน มีหน้าที่ต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบชื่อและสัญชาติของคนต่างด้าวและลักษณะงานที่ให้ทําภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่จ้างและเมื่อคนต่างด้าวนั้นออกจากงานก็ต้องแจ้งให้กรมการจัดหางานทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่คนต่างด้าวออกจากงาน พร้อมทั้งระบุเหตุแห่งการออกจากงานของคนต่างด้าวนั้นด้วย
นางเพชรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในประเทศไทยตามระบบการนำเข้าแบบ MOU โดยการนำเข้าของผู้รับอนุญาตให้นําคนต่างด้าวมาทํางาน (บริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ) เมื่อคนต่างด้าวนั้นออกจากงาน นายจ้างที่จ้างคนต่างด้าวจะต้องแจ้งให้ผู้รับอนุญาตฯ และกรมการจัดหางานทราบภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่คนต่างด้าวออกจากงาน พร้อมทั้งระบุเหตุแห่งการออกจากงานของคนต่างด้าวนั้นด้วย นอกจากนี้ ก่อนคนต่างด้าวเข้าทํางานกับนายจ้างตามระบบการนำเข้า MOU นายจ้างต้องจัดทําสัญญาจ้างเป็นหนังสือ โดยมีรายการอย่างน้อยตามที่อธิบดีกําหนด และเก็บสัญญาจ้างงานไว้ ณ ที่ทําการของนายจ้างเพื่อให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ และสําเนาสัญญาจ้างดังกล่าวเพื่อให้ลูกจ้างเก็บรักษาไว้
"หากนายจ้างไม่แจ้งการเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าวในกรณีดังกล่าวข้างต้น จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท โดยนายจ้างสามารถแจ้งการเข้า-ออกจากงานของคนต่างด้าวได้ที่สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 ในเขตพื้นที่ที่เป็นสถานที่ตั้งของสถานประกอบการที่คนต่างด้าวทำงานอยู่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงานโทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน" นางเพชรรัตน์ กล่าว