สกสค.-บ. ซีพี ออลล์ มอบทุนการศึกษาเรียน ปวช.-ป.ตรี ให้แก่บุตร ธิดา ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อการร้าย ใน ว.เทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ และมหาวิทยาลัยในเครือข่าย
วันนี้ (4 เม.ย.) ที่ห้องประชุมเทพหัสดิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ นายองค์กร อมรสิรินันท์ ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยเหลือครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อการร้าย นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด ผู้แทนผู้รับใบอนุญาตวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การเป็นเครือข่ายในการส่งเสริมสนับสนุน สร้างขวัญกำลังใจให้กับครูและบุคลกากรทางการศึกษา ในการส่งเสริมสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดา ของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบภัยจากการก่อการร้าย ให้ได้รับการศึกษาในสถานศึกษาที่อยู่ในการสนับสนุนทุนการศึกษาของ บริษัท ซีพี ออลล์ โดยมีนางผานิตย์ มีสุนทร รองเลขาธิการ สกสค. และ นายวิเชียร เนียมน้อม ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ร่วมเป็นสักขีพยาน
นายองค์กร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเมื่อมูลนิธิฯ จะมอบเงินช่วยเหลือแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาประสบภัยจากการก่อการร้าย กรณีเสียชีวิต รายละ 20,000 บาท กรณีถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ รายละ 12,000 บาท แต่ในระยะยาวมองว่าเพื่อให้การช่วยเหลือสนับสนุนให้บุตรธิดาของผู้ประสบเหตุฯ ได้รับการศึกษาจนมีงานทำ มูลนิธิฯได้ร่วมกับ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ในการสนับสนุนทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ถึงระดับปริญญาตรี และหลังศึกษาสำเร็จการศึกษาแล้วก็สามารถเข้าทำงานกับบริษัทได้ตามความต้องการของบุตร-หลานของครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นการให้ความช่วยเหลือเด็กให้ถึงปลายทางเพื่อให้มีงานทำที่มั่นคง ซึ่งจะเริ่มให้ทุนตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้เป็นต้นไป
ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มีนโยบายที่จะส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาเยาวชน ซึ่งบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) มีวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ และมีศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ 20 แห่ง มีวิทยาลัยอาชีวศึกษารัฐและเอกชนในเครือข่ายอีกจำนวน 200 แห่ง และมีมหาวิทยาลัยในเครือข่ายอีกจำนวนมาก ซึ่งสามารถรองรับบุตร ธิดา ของครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบเหตุร้ายฯ เข้าไปศึกษาตั้งแต่ระดับ ปวช. จนถึงระดับปริญญาตรี โดยทางบริษัทให้ทุน 100 % หากเรียนในมหาวิทยาลัยเครือข่าย จะได้รับทุน 70% โดยหลักสูตรทั้งหมดระหว่างเรียนจะมีการฝึกปฏิบัติงาน 3 เดือน เรียนในห้องเรียน 3 เดือน ซึ่งขณะฝึกปฏิบัติงานจะมีรายได้เดือนละ 6,000-7,000 บาท จะทำให้ผู้เรียนมีรายได้ไปจุนเจือครอบครัว
“ทุนนี้จะมีสัญญาอยู่ แต่ไม่ได้บังคับว่าเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องมาใช้ทุนคืน หากไม่ได้อยู่ในโครงการต่อเนื่อง แต่เราอยากให้ผู้ที่เรียนจบแล้วทำงาน เพราะหากจบระดับปวช.จะได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการให้ ซึ่งถือว่าสูงกว่านักเรียน นักศึกษาที่จบทั่วไปในระดับเดียวกัน และหากจบปริญญาตรี จะได้ตำแหน่งผู้จัดการ ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้บริหารระดับต้นของบริษัทฯที่จะไปดูแลร้านสะดวกซื้อ 7-11 หรือร้านกาแฟ และร้านในเครือ รวมถึงบริษัทลูกอีกจำนวนมากที่สามารถบรรจุผู้ที่จบจากโครงการนี้เข้าไปทำงานได้ทุกคน ซึ่งผู้ที่จะเข้าโครงการนี้ หากอยู่ในพื้นที่ใดก็สามารถเข้าไปสมัครเรียนในสถาบันเครือข่ายได้เลยจะเปิดรับไม่จำกัดจำนวน โดยไม่ต้องเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ”นายณรงค์ กล่าว