วธ.เล็งส่งหัวกะทิ ด้านภัณฑารักษ์-เทคโนโลยี ศึกษาเทคนิคการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ "ลูฟร์ อาบูดาบี" ชี้มีการจัดแสดงดี น่าสนใจ ใช้เทคโนโลยีเพิ่มการเข้าถึงและมีส่วนร่วม พร้อมประสานยืมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ระดับมาสเตอร์พีซมาจัดแสดงที่หอศิลป์แห่งใหม่
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ว่า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ อาบูดาบี เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะขนาดใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ โดยได้ซื้อลิขสิทธิ์ชื่อ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ฝรั่งเศสมาใช้ และได้ที่ปรึกษาในการจัดแสดงชิ้นงานมาช่วยเหลืออีกด้วย จากการเยี่ยมชมพบว่า มีเทคนิควิธีการนำเสนอและจัดแสดงได้อย่างน่าสนใจ เช่น พิพิธภัณฑ์ทั่วไปจัดแสดงชิ้นงานตามยุคสมัย แต่ที่นี่จัดตามประเภทของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทำให้ผู้ชมสามารถเปรียบเทียบยุคสมัยผ่านชิ้นงานศิลปะ อย่างหมวดหน้ากากโบราณ หมวดประติมากรรม หมวดโลหะ หมวดเซรามิก หมวดคัมภีร์และอักษรโบราณ เป็นต้น มีการจัดแสงให้ชิ้นงานโดดเด่นมากขึ้น จูงใจผู้ชม มีการออกแบบสื่อนิทรรศการเพื่อผู้พิการทางสายตาอย่างละเอียด ทั้งอักษรเบลล์ ภาพนูน และประติมากรรมที่เกี่ยวข้องกับงานให้สัมผัสได้ เพิ่มการเข้าถึงและมีส่วนร่วม รวมถึงการทำสื่อมัลติมีเดียที่แสดงรายละเอียดของโบราณวัตถุในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว
นายวีระ กล่าวว่า หลังจากนี้ วธ.จะทำความร่วมมือโดยส่งนักวิชาการด้านพิพิธภัณฑ์ ภัณฑารักษ์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับหัวกะทิ มาศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนประสบการณ์บริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ที่ลูฟร์ อาบูดาบี ซึ่งเราสามารถนำมาปรับปรุงการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของไทยที่อยู่ในการดูแลของกรมศิลปากรและสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นอกจากนี้ ตนคาดหวังว่าจะมีการส่งเสริมความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ของทั้งสองประเทศ โดยอาจจะมีการยืมผลงานศิลปะชิ้นที่โดดเด่นจากลูฟร์ อาบูดาบี มาจัดแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยแห่งใหม่ภายใต้การดูแลของ วธ. ซึ่งมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2563 เพื่อให้ชาวไทยได้ชมความงดงามของผลงานศิลปะ โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ
นายวีระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้เข้าชมทำเนียบประธานาธิบดี (QASR AL WATAN ) ซึ่งมีการจัดแสดงมรดกวัฒนธรรมของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นอย่างดี โดยมีการจัดทำห้องสำหรับเก็บของขวัญที่ประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับจากนานาประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะแสดงถึงพัฒนาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดย วธ.มีการเดินทางไปสานสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมในประเทศต่างๆ และได้รับของขวัญจากนานาประเทศเช่นกัน ซึ่งก็มีการทำทำเนียบของขวัญดังกล่าวไว้แล้ว ขาดเพียงการจัดแสดงเผยแพร่ให้ประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นหลังได้เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ตลอดจนความร่วมมือต่างๆ ผ่านของขวัญ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดการจัดแสดงต่อไป เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนมากขึ้น และถือเป็นแนวคิดที่หน่วยงานต่างๆ สามารถนำมาปรับใช้ได้
