สบส.จ่อร่อนหนังสือถึงสมาคมแพทย์แผนไทยฯ แก้ไขเรื่องสอนนวดให้ถูกต้องใน 15 วัน หลังพบอบรมขึ้นทะเบียนมากผิดปกติจริง 10 ปี รวมกว่า 90,000 คน หากไม่แก้ไขจ่อเพิกถอนหลักสูตร ย้ำสมาคมไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐ
วันนี้ (20 มี.ค.) นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการระงับขึ้นทะเบียนหมอนวดกว่าแสนราย ซึ่งผ่านการอบรมและได้ใบรับรองจากสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งหนึ่ง ว่า ย้ำว่า สบส.ระงับการขึ้นทะเบียนหมอนวดเฉพาะที่อบรมกับสมาคมดังกล่าวเท่านั้น เพราะ สบส.ได้รับข้อร้องเรียนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษ และเชียงใหม่ เรื่องคนที่มาขึ้นทะเบียนโดยใช้ใบของสมาคมฯ แต่ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ถูกต้อง ทั้งเรียนไม่ครบ มีการซื้อ และมีการขึ้นทะเบียนมากจนผิดสังเกต อย่าง 1 คนมาขอขึ้นทะเบียน 20-30 ใบเหมือนถูกมอบอำนาจมา ส่วนที่อื่นที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ยังสามารถขึ้นทะเบียนได้
“เมื่อเราเห็นก็มาตรวจสอบข้อมูลพบว่า วันหนึ่งลงวันพร้อมจบกัน 300-400 คน เยอะขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะกฎหมายระบุว่า หากสถานศึกษาหรือที่ใดจะขอเปิดโรงเรียนหรือสอนนักเรียนต้องขอเป็นโรงเรียนเอกชน การเรียนการสอนเรื่องนวดก็เช่นกัน หากไม่ขอตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ไม่สามารถทำได้ และการอบรมต้องไม่เกิน 7 คนต่อหลักสูตร และห้ามเปิดเป็นแฟรนไชส์ ดังนั้น สมาคมนวดต่างๆ หากจะทำก็ต้องทำตามกฎหมาย แต่กรณีนี้จบออกมาวันเดียว 300-400 คน ถือว่าไม่ถูก” นพ.ภัทรพล กล่าว
นพ.ภัทรพล กล่าวว่า สบส.จึงทำหนังสือไปขอข้อมูลกับทางสมาคมแห่งนี้ให้ชี้แจง ซึ่งเขาบอกว่า ไม่มีศูนย์สาขา ไม่มีการเปิดแฟรนไชส์ และทราบดีว่าต้องอบรมไม่เกิน 7 คนตามกฎ จึงขอให้ส่งรายชื่อนักเรียนที่ผ่านการอบรมกับสมาคมฯ เข้ามาปรากฏว่า ส่งมา 2 ครั้ง ครั้งแรกคือ 70,000 คน ครั้งที่ 2 อีก 20,000 คนในระยะเวลา 10 กว่าปี ซึ่งว่ามากเกินไป เพราะหากนับตามกฎที่อบรมได้ไม่เกิน 7 คนต่อหลักสูตรต่อรุ่น มากสุดจริงๆ ก็ไม่น่าจะเกิน 4-5 พันคน แต่นี่มากเป็น 9 หมื่นคน แบบนี้เราก็ต้องตรวจสอบ เพราะการนวดเกี่ยวกับคุณภาพ เกี่ยวกับความปลอดภัย จึงต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด และให้ระงับเรื่องนี้ก่อน
“ที่ผ่านมา อธิบดี สบส.ได้สั่งการให้สมาคมฯชี้แจง ปรากฏว่า ไม่ได้ชี้แจงเข้ามา แต่ขอขยายเวลาชี้แจงไป 30 วัน คือ วันที่ 30 พ.ย. แต่ก็ยังไม่ชี้แจง และอนุกรรมการที่ดูแลหลักสูตรนี้ก็เชิญสมาคมฯ มาชี้แจงเมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่มาอีก แต่กลับส่งหนังสือยื่นเป็นโนติสด้วยซ้ำว่า ให้ทาง สบส.ยกเลิกหนังสือสั่งการ สสจ.ทั่วประเทศที่ว่าให้ระงับขึ้นทะเบียนหมอนวดแทน ไม่งั้นจะดำเนินคดีทั้งคดีแพ่งและอาญากับ สบส.เพราะแจ้งว่า สบส.ทำให้สมาคมฯ ถูกดูหมิ่น ซึ่งเราตกใจมาก นี่เราผิดหรือในเมื่อมีข้อมูลชัด” นพ.ภัทรพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าสามารถเอ่ยชื่อสมาคมแห่งนี้ได้หรือไม่ นพ.ภัทรพล กล่าวว่า ขณะนี้ขอไม่เอ่ยชื่อ เนื่องจากขอระวังไว้ก่อน เพราะมีหนังสือจากสมาคมฯ มาเช่นนี้ว่า ทำให้เขาเสื่อมเสีย แต่ยืนยันว่าที่ต้องระงับ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย และเพื่อให้คุณภาพดีด้วย แต่ในส่วนของหมอนวดที่ถูกเพิกถอน สบส.ไม่ได้ทิ้ง เราได้ประสานกับสมาคมนวดอื่นๆ ซึ่งมีอีกหลายแห่งกว่า 10 แห่งจะมาให้การอบรมต่อ เพื่อให้ได้ใบรับรองหมอนวดเพื่อประกอบอาชีพได้ต่อไป
เมื่อถามว่า จากนี้จะดำเนินการกับสมาคมฯ อย่างไร นพ.ภัทรพล กล่าวว่า สบส.กำลังทำหนังสือถึงสมาคมฯ ให้ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องภายใน 15 วัน หากไม่ทำก็จะนำไปสู่การพิจารณาว่าจะเพิกถอนหลักสูตร แต่จะเพิกถอนหลักสูตรอย่างไรต้องไปดูในรายละเอียด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของศูนย์สาขาที่มีการเปิดนั้น ขณะนี้ได้ขอให้ สสจ.ประสานไปยังศูนย์เหล่านี้ว่า ไม่สามารถปฏิบัติต่อได้ หากจะทำให้มาขออนุญาตจาก สบส. ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความผิดในเรื่องนี้จะมีอะไรบ้าง นพ.ภัทรพล กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ส่วน คือ ความผิดฐานแรก เป็นการไปปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เรียกว่าคำสั่งทางปกครอง สูงสุดคือการเพิกถอนหลักสูตร ความผิดฐานที่ 2 คือ อาญาหรือทางแพ่ง โดยกรมฯ ไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่คือประชาชนที่ไปอบรม หรือไปเอาใบรับรองโดยเข้าใจว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ กลุ่มเหล่านี้ได้รับผลกระทบ เพราะไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ ก็สามารถเป็นเจ้าทุกข์ในการดำเนินคดีได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ขอย้ำคือ สมาคมฯ แห่งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรมการแพทย์ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพียงแต่มาขออาศัยที่ราชพัสดุ มาตั้งในกระทรวงฯ เท่านั้น