“ศุภชัย ใจสมุทร” บุก อย.ให้กำลังใจคนแจ้งครอบครองกัญชา ชี้รัฐผูกขาดให้นายทุน 5 ปี ผ่านกฎหมายกำหนดทำร่วมกับรัฐ ชูนโยบายเสรี ต้องแก้กฎหมายให้ออกจากยาเสพติด ด้าน “ลีน่าจัง” อ้างซึมเศร้า มาแจ้งครอบครองด้วย
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ศูนย์บริการผลิตภัณฑ์สุขภาพเบ็ดเสร็จ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บรรยากาศการรับแจ้งครอบครองกัญชา 3 กลุ่ม หลังกฎหมายนิรโทษครอบครองกัญชาบังคับใช้ โดยแจ้งภายใน 90 วันไม่ต้องรับโทษ พบว่า มีผู้เดินทางทยอยมาแจ้งการครอบครอง และสอบถามจำนวนมาก ทั้งนี้ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางมาด้วยเช่นกัน แต่เดินทางมาเพื่อให้กำลังใจกับผู้ที่มาแจ้งการครอบครองกัญชา
นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายเรื่องกัญชามาตลอด และได้ติดตามกฎหมายของรัฐเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่า มีการผูกขาดให้กับนายทุน โดยอาศัยกฎหมายกำหนด 5 ปี ทุกอย่างต้องร่วมกับรัฐ แม้แต่ประชาชนในรูปของวิสาหกิจชุมชนก็เช่นกัน วันนี้จึงมาให้กำลังใจกับผู้ที่มาแจ้งการครอบครอง ว่า พรรคมีความพร้อมที่จะทำให้กัญชาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง และปลูกได้อย่างเสรีครอบครัวละ 6 ต้น โดยสามารถใช้ได้ภายในบ้านของตน ซึ่งพรรคยืนยันว่า คนไทยต้องได้ใช้ประโยชน์จากกัญชาทั้งหมด ไม่ใช่แค่ให้นายทุนเท่านั้น เพราะเราไม่แน่ใจว่าหลังจาก 5 ปีไปแล้วที่กฎหมายกำหนดให้ร่วมกับรัฐ สุดท้ายแล้วหลัง 5 ปี จะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครทราบ เพราะจากกฎหมายก็ชัดเจนว่าเป็นการรวบอำนาจ อย่างกรรมการที่พิจารณากัญชาก็มาจากภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะอนุญาตใครปลูก เป็นการผูกขาดชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจุบันกฎหมายไม่ได้กำหนดให้ปลูกกัญชาเสรี ต้องแก้กฎหมายหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า ใช่ ซึ่งพรรคกำลังทำ โดยต้องยุติการรวบอำนาจจากรัฐ และนำกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และให้แต่ละครอบครัวปลูกกัญชา 6 ต้น โดยมีการควบคุมตามกฎหมาย โดยมุ่งเน้นให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง ได้เดินทางมาแจ้งการครอบครองกัญชาด้วย โดย น.ส.ลีนา กล่าวว่า ตนเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ จึงได้ไปศึกษาหาข้อมูลจนพบว่าน้ำมันกัญชาช่วยรักษาโรคได้ จึงไปติดต่อ ลุงตู้ และนำมาใช้ พบว่า ทำให้ตัวเองหลับได้สบาย และอาการกังวลก็ลดน้อยลงไปด้วย พร้อมระบุว่า มาตรการนี้ของ อย.ดี แต่ยังไม่มีความชัดเจน ประชาชนยังไม่ทราบว่าต้องใช้หลักฐานใดมายื่น ทำให้หลายคนเสียเวลา เสียเงินหลายรอบเพื่อมายื่น อีกอย่างต้องนำตัวยามาสำแดงยิ่งทำให้ประชาชนเกิดความหวาดวิตก กลัวโดนจับ จึงยังไม่มีใครกล้ามาแจ้ง จึงอยากให้ภาครัฐชี้แจงให้ชัด ให้ประชาชนได้ทราบอย่างทั่วถึง และจะได้กล้าออกมาลงทะเบียน