มหาวิทยาลัยมหิดลยกระดับคุณภาพหลักสูตรรับมาตรฐานอาเซียน พร้อมเผย 7 หลักสูตรคุณภาพ AUN-QA
ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบัน สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและสังคมโลก เพื่อสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถ ประกอบอาชีพได้ สร้างนวัตกรรมเป็น เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานทั้งในระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน การบริหารจัดการกับความท้าทายดังกล่าว เชื่อว่า การประกันคุณภาพการศึกษาเป็นเครื่องมือที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อการรักษาและยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาตามมาตรฐานสากล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินการประกันคุณภาพมาอย่างต่อเนื่องทั้งการประกันคุณภาพภายใน (Internal Quality Assurance: IQA) และการประกันคุณภาพภายนอก (External Quality Assurance: EQA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับหลักสูตร มหาวิทยาลัยมหิดลใช้แนวทางการจัดการศึกษาแบบมุ่งผลลัพธ์ (Outcome based Education) และใช้เกณฑ์ประกันคุณภาพการศึกษาของเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (AUN-QA) รวมถึงการใช้เกณฑ์มาตรฐานเฉพาะสาขาอื่นๆ เช่น WFME, AACSB, ABET, MUSIQUE, TedQual เป็นต้น
โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยมหิดล มีหลักสูตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพระดับหลักสูตร 7 หลักสูตร จากการประเมิน 2 ครั้ง ได้แก่ การประเมินฯ ครั้งที่ 103 ระหว่างวันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ 2561 จำนวน 3 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาชีวเคมี (หลักสูตรนานาชาติ) คณะวิทยาศาสตร์,หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการบริการนานาชาติ (หลักสูตรนานาชาติ)
วิทยาลัยนานาชาติ การประเมินฯ ครั้งที่ 121 ระหว่างวันที่ 25-27 กันยายน 2561 จำนวน 4 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชากิจกรรมบำบัด คณะกายภาพบำบัด,หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการระบาดคลินิก (หลักสูตรนานาชาติ) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
“การที่หลักสูตรของ ม.มหิดล ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพระดับหลักสูตรตามเกณฑ์ AUN-QA ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยมหิดลที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำการศึกษาของไทยสู่การยอมรับในระดับนานาชาติ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากลสู่การเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก (World Class University)
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา ทุกส่วนงานภายในมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งผลลัพธ์ Outcome-based Education โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมให้บัณฑิตมีความรู้ในทักษะวิชาชีพ (รู้ลึก) และทักษะชีวิตและการทำงาน (รู้กว้าง) รวมถึงมีศักยภาพตามความต้องการของสังคมอนาคต เป็น Talented Citizen ที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ซึ่งนอกจากการจัดการเรียนการสอนแล้ว การวัดและประเมินผลผู้เรียนให้ได้ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (Expected Learning Outcomes) ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยมีการนำเกณฑ์ AUN-QA มาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง” ศ.นพ.บรรจง กล่าว