xs
xsm
sm
md
lg

คาด 26 ก.พ.เปิดแจ้งครอบครองกัญชาได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อย.ย้ำประกาศกระทรวงละเว้นโทษผู้แจ้งการครอบครองกัญชา 3 กลุ่ม ยึดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ยันไม่ได้เปิดปลูกเสรี ปลดล็อกเพื่อประโยชน์การแพทย์ คาดประกาศใช้กฎหมายครอบครองกัญชาได้ 26 ก.พ.นี้

วันนี้ (23 ก.พ.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ต้องขอย้ำว่า ร่างประกาศกระทรวงเกี่ยวกับการละเว้นโทษของผู้ที่มาแจ้งการครอบครองกัญชาใน 3 กลุ่มตามกฎหมายกำหนดนั้น เป็นไปตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นการนิรโทษเพื่อให้เข้าสู่กรอบการทำงานตามกฎหมายใหม่ภายใน 90 วัน แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเปิดให้มีการปลูกเสรี เพียงแต่คลายล็อกเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และไม่อยากให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะตามกฎกระทรวงที่ออกมาตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ นั้น กำหนดชัดเจนว่า เมื่อมาแจ้งการครอบครองแล้ว และหากจะเข้าสู่กระบวนการปลูกและผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปลูก ต้องเป็นผู้ที่กฎหมายกำหนด คือ หน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษาที่มีการวิจัยพัฒนาเรื่องนี้ และการปลูกต้องเป็นไปเพื่อการแพทย์เท่านั้น โดยผู้ที่ขออนุญาตต้องมีโครงการวิจัยแนบมาด้วยว่า วิจัยกับใคร หน่วยงานการศึกษา หรือภาครัฐไหน เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานวิจัยนั้นๆ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

“อย่างวิสาหกิจชุมชน หากจะมีการรวมตัวกันเพื่อมาขอขึ้นทะเบียนเพื่อทำการปลูก ก็ต้องระบุว่า ปลูกเพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ ส่งให้กับใคร เช่น หากส่งให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็ต้องมีใบสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กับ อภ. และต้องมีจำนวนการปลูก ปริมาณที่ใช้ชัดเจน จึงเป็นที่มาว่า ต้องมีการทำการเกษตรแบบมีสัญญา ที่เรียกว่า คอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่ง (Contract Farming) เพราะหากเราไม่ทำแบบนี้ การปลูกก็จะมากเกินไป และอาจหลุดรอดนอกระบบนำไปใช้นอกเหนือกฎหมายกำหนดได้” นพ.ธเรศ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ความคืบหน้าการประกาศใช้ร่างกฎหมายนิรโทษกัญชาสัปดาห์หน้า คือ ช่วงไหน นพ.ธเรศ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะประมาณวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เตรียมพร้อมในการรับแจ้งการครอบครองกัญชาใน 3 กลุ่มแล้ว และเตรียมคลังเก็บของกลางไว้ ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ก็เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่หลายคนสงสัยว่าแล้วของกลางจะทำอย่างไรต่อไป เพราะอาจไม่ต้องทำลายทั้งหมด เนื่องจากจะดูความจำเป็นว่า หากมีปริมาณเพียงพอที่หน่วยงานวิจัย หรือสถาบันการศึกษาต้องการนำไปศึกษาวิจัยก็สามารถมาขออนุญาตได้ เพียงแต่ว่าต้องใช้ในการวิจัย เนื่องจากหากนำไปทดลองในคนยังต้องตรวจสอบว่า ของกลางเหล่านี้มีคุณภาพ ผ่านมาตรฐานหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น