อาจารย์คณะพาณิชย์ มธ. จี้ยุติปรับปรุงตึกเรียน หรือตึกตู้ปลา แฉใช้รูปแบบไม่ผ่านข้อตกลงของประชาคม ซ้ำดึงธนาคารไทยพาณิชย์ และ Too Fast Too Sleep เข้าเช่าพื้นที่ โดยไม่เปิดเผยสัญญา ตั้งข้อสงสัยเช่าที่ราชพัสดุไม่โปร่งใส หลังอ้างบริจาคเงินเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ เริ่มรื้อทุบทั้งที่อยู่ระหว่าง สตง. ป.ป.ช. ตรวจสอบ ขอให้หยุดดำเนินการและเริ่มใหม่ในกระบวนการที่ถูกต้อง จี้มหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันนี้ (13 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. คณาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกันแถลงข่าวข้อร้องเรียนกรณีร่วมกับภาคเอกชน คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ Too Fast Too Sleep เข้าใช้พื้นที่ชั้น 1 ของอาคารคณะหรือตึกตู่ปลา ซึ่งเดิมเป็นอาคารสำนักงาน และมีการรื้อทำลายเพื่อสร้างพื้นที่ที่เรียกว่า iSpace และ iLab โดยธนาคารจะเข้ามาตั้ง SCB Business Center พร้อมทั้งร้านกาแฟ Too Fast Too Sleep ในพื้นที่
ผศ.สมชาย ศุภธาดา อดีตรองคณบดีฝ่ายการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า ที่ตั้งของคณะพาณิชย์ฯ เป็นพื้นที่บนที่ดินราชพัสดุ ที่เป็นอาคารของหน่วยงานรัฐ ดังนั้น การใช้ประโยชน์ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส การจะให้หน่วยงานเอกชนหรือสถาบันการเงินมาใช้ประโยชน์ จำเป็นที่จะต้องคำนึงว่า สัญญาเป็นอย่างไร ทาง มธ.และคณะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ทางคณาจารย์และประชาคมยังไม่เห็นรายละเอียดตัวร่างของสัญญาการใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้ ว่า กินระยะเวลาเท่าไร มีการจ่ายค่าเช่าหรือมีการตอบแทนผลประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่น เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ซึ่งมีหน่วยงาน Too Fast Too Sleep เข้ามาใช้พื้นที่ เป็นหน่วยงานที่เขาจัดซื้อหรือจัดหา ไม่ใช่พื้นที่ราชพัสดุ
“ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า ที่ดินแห่งนี้มีลักษณะที่แตกต่างออกไป ทั้งในเชิงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ในเชิงเป็นที่หลวง เป็นที่ราชพัสดุ ดังนั้น ทางคณาจารย์จึงมีความเป็นห่วงกังวลว่า เราทำตามถูกต้องตามกระบวนการที่ควรจะเป็นหรือไม่ ก่อนที่จะมีความเสียหายมากเกินไปกว่านี้” ผศ.สมชาย กล่าวและว่า การพัฒนาพื้นที่โครงการนี้ มธ.ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลหรือสื่อสารกับประชาคม ซึ่งกรณีนี้การปรับปรุงและตกแต่งอาคารยังมีปัญหาข้อกฎหมายบางประการที่ผูกพันมาตั้งแต่ปี 2560 และอยู่ในการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างออกแบบอาคาร ชั้น 1-4 ที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแต่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้เข้ามาปรับปรุงชั้น 1 และมีการรื้อย้ายสำนักงานซึ่งยังอยู่ในสภาพดี มีอายุการใช้งานหลังตกแต่งครั้งใหญ่ไม่ถึง 10 ปี และที่ออกมาแถลงการณ์ครั้งนี้ เพื่อหยุดความเสียหายไม่ให้ลุกลามมากไปกว่านี้ เพราะอยู่ในวิสัยบริหารจัดการได้ และข้อมูลข้อเท็จจริงเรื่องนี้ คนในคณะ ประชาคม และนักศึกษา ยังสับสน ไม่รู้อันไหนครบถ้วนอันไหนแท้จริง จึงควรมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ไม่ให้เป็นที่กังขา อีกทั้งอยากให้ 2 หน่วยงานปลุกจริยธรรมในการทำธุรกิจ ทั้งนี้ ย้ำว่า เราไม่ได้มีข้อขัดแย้งใดๆ กับผู้บริหาร
รศ.ดร.เอกจิตต์ จึงเจริญ อดีตผู้อำนวยการโครงการเอ็นบีเอ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มธ. กล่าวว่า การปรับปรุงพื้นที่อาคาร มีการดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ตั้งแต่ช่วง รศ.เกษิณี วิฑูรย์ชาติ อธิการบดี มธ.คนปัจจุบัน ยังเป็นคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์ฯ ซึ่งตนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการออกแบบ ก็มีประชาคมตัวแทนจากคณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ และทีมงานสถาปนิก จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มธ. มาร่วมกันออกแบบจนเสร็จเรียบร้อย อยู่ระหว่างกระบวนการจัดหาผู้รับเหมา และบังเอิญมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร กระบวนการจึงหยุดไป และหลังจากนั้น มีการนำสถาปนิกเอกชนเข้ามา และมีการออกแบบใหม่ ซึ่งพบว่า แบบใหม่นั้นในส่วนของบริหารจะกินเกือบพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้น 4 ต้องมีการปรับยกเลิกห้องสมุด ซึ่งทางคณาจารย์ก็กังวลถึงองค์ความรู้ให้กับนักศึกษา จึงมีการประชุมและคัดค้าน จนแบบถูกปรับมาอีกจนกระทั่งมีการทะลุคานชั้นที่ 2 อาจารย์ก็กังวลความปลอดภัย และห้องเรียนที่เสียไป มีการพูดคุยกัน ปรึกษาหารือในที่ประชุมคณาจารย์ และการนำเอกชนเข้ามาในพื้นที่ชั้นล่างของคณะ ซึ่งรายละเอียดเอ็มโอยูหรือสัญญายังไม่เห็นเลย การใช้ประโยชน์เป็นไปในลักษณะใด
“เราพยายามขอข้อมูลฝ่ายบริหาร จนถึงตอนนี้รายละเอียดขั้นตอนต่างๆ การอนุมัติผ่านกระบวนการตามกฎหมายตามข้อบังคับ มธ. ก็ยังไม่เห็น หลังจากนั้นเลยมีข้อตกลงในหมู่คณาจารย์ ผู้บริหาร ประชาคม ที่จะร่วมกันออกแบบ โดยมีรูปแบบที่ตกลงกันในที่ประชุมประชาคมถึง 9 รูปแบบ เพื่อจะจัดทำได้ โดยลงทุนในงบประมาณที่ไม่สูงนัก ได้ประโยชน์คุ้มค่า และไม่มีเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีการทุบทำลายชั้นที่ 1 สามารถทำได้เลย แต่ผู้บริหารของคณะและมหาวิทยาลัยกลับเลือกรูปแบบที่ไม่มีการตกลงกัน หรือนำเสนอในที่ประชุม นำมาสู่การรื้อทำลายพื้นที่ส่วนสำนักงาน การกระทำดังกล่าวจึงผิดขั้นตอนทางกฎหมาย นับตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติและการพิจารณา ตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ ยังอาจมีปัญหาในการเช่าที่ราชพัสดุอย่างไม่โปร่งใส เนื่องจากในครั้งแรกผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เข้ามาบริจาคเพื่อปรับปรุงพื้นที่ จึงไม่มีขั้นตอนการประมูลตามปกติ เมื่อเวลาผ่านไปกลับมาแจ้งว่าธนาคารไทยพาณิชย์เข้ามาเช่าพื้นที่ ไม่มีการแสดงสัญญาอย่างเปิดเผย แม้ทางคณาจารย์จะมีการร้องขอมานาน กระทั่งเข้ามารื้ออาคารเมื่อต้นเดือนมกราคม 2562 ประชาคมก็ยังไม่ทราบว่าเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานใด” รศ.ดร.เอกจิตต์ กล่าว
รศ.ดร.เอกจิตต์ กล่าวว่า ในส่วนของบประมาณก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด โดยทราบเพียงงบเริ่มต้นที่ระบุว่า ได้มาจากเงินบริจาคของภาคเอกชน ประมาณ 80 ล้านบาท จ่ายค่าออกแบบเบื้องต้น 1.5 ล้านบาท แต่หากมีการทุบชั้นล่าง ก็จะต้องมีการย้ายบุคลากรที่ทำงานในส่วนนี้หลายโครงการ ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งบในการดำเนินการ ที่ทั้งหมดยังไม่ได้รับการเปิดเผยรายละเอียด ส่วนจะมีเรื่องการทุจริตการใช้งบฯ เข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ เรื่องยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ก็ไม่ควรทำอะไรให้มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะมีความชัดเจนหรือกระจ่าง
รศ.ดร.พันทิศา ภาวบุตร หัวหน้าภาควิชาการเงิน คณะพาณิชยศาสตร์ฯ มธ. กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในกรรมการดูแลเงินของคณะ ดังนั้น การได้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน การจัดการ การดูแลผลประโยชน์ของคณะ ของประชาคมโดยรวม จึงต้องได้รับทราบข้อมูล ซึ่งได้ทำการสอบถามถึงแผนการดำเนินการปรับปรุงพื้นที่มานาน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ จากตรงนี้สงสัยได้ว่าเป็นการดำเนินการทางธุรกิจที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีกฎหมายดูแลอย่างเข้มงวดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในการทำธุรกินแฝงที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ที่จะต้องมีความถูกต้องและตรวจสอบได้ ประชาคม มธ.มีความเป็นห่วงว่า ธนาคารและ Too Fast To Sleep อาจได้รับผลกระทบต่อชื่อเสียงและได้รับความรู้สึกทางลบจากประชาคม มธ. เพราะเป็นที่ทราบว่า กรรมการประจำคณะพาณิชย์ 2 คน ที่เข้าร่วมลงนาม เป็นกรรมการของธนาคาร โดยหนึ่งในนั้นเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร และอีกท่านเป็นสามีของผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร จึงเกรงว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวจะกระทบกับความเชื่อมั่น หากได้รับทราบข้อมูลแล้ว จึงขอเรียนเชิญมาร่วมกัน โดยหยุดเพื่อเริ่มใหม่ในหนทางที่ถูกต้อง โปร่งใส
ผศ.ดร.นนทวรรณ ยมจินดา ตัวแทนคณาจารย์คณะพาณิชย์ มธ. กล่าวว่า มีการเรียกร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลที่ทำสัญญาเอ็มโอยู แต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลเหล่านั้น อยากจะเรียกร้องขอให้ผู้บริหารแสดงความโปร่งใส โดยข้อให้เปิดเผยข้อมูลโดยเร็วที่ ทั้งนี้ ประชาคมขอคัดค้านโครงการดังกล่าว และขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ ยุติโครงการ พร้อมทบทวนความเหมาะสมให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างโปร่งใส และขอให้ มธ.สอบสวนการกระทำดังกล่าว และติดตามการตรวจสอบของ สตง. และ ป.ป.ช. ซึ่งยังคงค้างอยู่กว่า 1 ปี เพื่อทำความจริงให้กระจ่างโดยเร็ว