พยากรณ์โรครายสัปดาห์ 10-16 ก.พ. ระวัง "ไข้หวัดใหญ่" ระบาดเพิ่ม หลังพบป่วย 2.1 หมื่นราย ตาย 1 ราย ระบาด 32 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่เกิดในโรงเรียน และภาคเหนือ
วันนี้ (9 ก.พ.) กรมควบคุมโรค เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 10 – 16 ก.พ. 62 โดยระบุว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปี 2562 นี้ พบผู้ป่วย 21,572 ราย เสียชีวิต 1 ราย โดยพบอัตราป่วยมากที่สุดที่ภาคเหนือ จังหวัดที่มีอัตราป่วยมากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร พะเยา ลำปาง สุราษฎร์ธานี จากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด พบว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมาพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อน 32 เหตุการณ์ ส่วนใหญ่เกิดในสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น ในจำนวนนี้พบว่ามีถึง 22 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียน และพบมากในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 12 เหตุการณ์ โดย 8 เหตุการณ์เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่แล้ว และสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลังในเดือนเดียวกัน โรคไข้หวัดใหญ่ ติดต่อทางการไอหรือจาม หรืออาจติดต่อทางสารคัดหลั่งที่ติดจากมือแล้วใช้มือสัมผัสกับเยื่อบุตาหรือจมูก ซึ่งประชาชนสามารถป้องกันได้โดย การใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่มีอาการไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการพบปะผู้อื่นขณะมีอาการไข้หวัด หลีกเลี่ยงการหยิบจับสิ่งของที่ใช้ร่วมกับผู้อื่นและล้างมือเป็นประจำ
ส่วนสถานที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เช่น โรงเรียน เรือนจำ ควรมีการคัดกรองผู้ป่วย หากพบผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ ควรแยกผู้ป่วยทันทีและรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว หมั่นทำความสะอาดสิ่งของที่มีการใช้ร่วมกันทุกวัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มเปิดปิดไฟ และเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้เพียงพอ กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่าในประชาชนกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคอ้วน หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยเรื้อรัง อาทิ โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคตับ โรคที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นต้น ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความรุนแรงของโรคและลดโอกาสการนอนโรงพยาบาล สอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422