“บุญรักษ์” เผย หลังประกาศผลสอบ ผอ.ร.ร. เตรียมจัดอบรมก่อนสู่ตำแหน่ง 20-27 ก.พ. นี้ เพิ่มเติมเนื้อหาและใช้เทคโนโลยีช่วยในการพัฒนา พร้อมประสาน กศจ. ลงนามคำสั่งบรรจุแต่งตั้ง ผอ.ร.ร. กว่า 5 อัตราในวันที่ 1 มี.ค. นี้ เพื่อประโยชน์บริหารงานบุคคล งบประมาณ หลังโรงเรียนไม่ต้องขาดผู้บริหารมานาน
วันนี้ (5 ก.พ.) ดร.บุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ดำเนินการดำเนินการสอบคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ว่างอยู่ประมาณ 5,000 กว่าอัตรา โดยในวันที่ 9 ก.พ. 2562 จะเป็นการสอบสัมภาษณ์ และประกาศผลผู้ผ่านการคัดเลือกวันที่ 12 ก.พ. และก่อนการบรรจุแต่งตั้งผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องเข้ารับการอบรมพัฒนาก่อน โดย สพฐ. กำหนดปฏิทินดำเนินการ ดังนี้ ให้อบรมพร้อมกันทั่วประเทศ 12 จุด ระหว่างวันที่ 20-27 ก.พ. 2562 และประกาศผลว่าผ่าน หรือไม่ผ่าน ในวันที่ 27 ก.พ. 2562 จากนั้นวันที่ 28 ก.พ. 2562 รายงานตัวและเลือกโรงเรียนที่คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ที่ตนเองสอบบรรจุ ทั้งนี้ ได้ประสาน กศจ. ให้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 มี.ค. โดยทันที
“เหตุผลที่ต้องให้ กศจ. ลงนามคำสั่งปฏิบัติหน้าที่วันที่ 1 มี.ค. มีอย่างน้อย 2 ประการ คือ เพราะโรงเรียนว่างผู้อำนวยการมานานส่งผลกระทบต่อประสิทธิการบริหารงานของโรงเรียน และประการสำคัญ เป็นเรื่องของการเลื่อนเงินเดือน เพราะการนับตัวว่าบุคคลนั้นอยู่ที่ไหนเพื่อคำนวณเม็ดเงินซึ่งจะนับ ณ วันที่ 1 มี.ค. ซึ่งถ้ายังอยู่โรงเรียนเดิม แต่ภายหลังเจ้าตัวไปปฏิบัติงานในที่โรงเรียนใหม่ก็จะกลายเป็นไปว่าไปกินงบประมาณของที่ใหม่ แต่เงินของตัวเองยังอยู่ที่โรงเรียนเดิมทำให้เกิดปัญหาการบริหารจัดการ จึงต้องให้มีคำสั่งแต่งตั้งภายในวันดังกล่าว ส่วนการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ก็จะเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ได้ประสาน นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธาน กศจ. ชี้แจงถึงความจำเป็นและขอให้ดำเนินการตามกรอบดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่โรงเรียนและการบริหารงานบุคคล ซึ่งหาก กศจ. ใดมีการประชุมก่อนหน้าอาจจะมีการอนุมัติหลักการไว้” ดร.บุญรักษ์ กล่าว
ดร.บุญรักษ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนรูปแบบการอบรมพัฒนา ผอ.โรงเรียน จะเพิ่มเนื้อหา องค์ความรู้ใหม่ๆ รวมถึงนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอบรม ซึ่งก่อนการอบรมจะมีการปฐมนิเทศผ่านออนไลน์ที่ทั้ง 5,000 กว่าคน จะต้องเข้าลงทะเบียนด้วยตนเอง จากนั้นจะจัดกลุ่มๆ ละ 10-15 คน เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) ออนไลน์ และมีคิวอาร์โค้ด (QR Code) ให้ศึกษาเรียนรู้และศึกษาแลกเปลี่ยนภายในกลุ่ม ส่วนช่วง 20-27 ก.พ. จะเข้าสู่ช่วงการอบรมเชิงปฏิบัติการ นำกรณีศึกษาต่างๆ ที่เกิดขึ้นมานำเสนอ และเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา เช่น ปัญหาฝุ่นละออง หรือกรณีที่เป็นเรื่องใหม่ๆ อย่างวิทยาการคำนวณก็จะมีวิทยากรมาอบรมโดยตรง การสร้างภาวะผู้นำยุคใหม่ จะมีวิทยากรจากภาคเอกชน มาให้ความรู้ คำแนะนำ เป็นต้น