ประกันสังคม แจงจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรย้อนหลังปี 61 เพิ่มเดือนละ 200 บาท ไม่ครบ เพราะล่าช้าจากการตรวจสอบ ชี้จะได้ครบในเดือน มี.ค. 62
วันนี้ (31 ม.ค.) น.ส.อำพันธ์ ธุววิทย์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) แถลงข่าวกรณีการจ่ายประโยชน์ทดแทนเงินสงเคราะห์บุตร ว่า จากการที่ สปส.ได้มีการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรจากเดิม 400 บาท เป็น 600 บาท และเพิ่มจำนวนบุตรจากคราวละ 2 คน เป็นคราวละ 3 คน ให้กับผู้ประกันตนที่มีบุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี ตามกฎกระทรวง เรื่อง การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. 2561 เมื่อ 25 ธันวาคม พ.ศ.2561 ซึ่งในวันนี้ (31 ม.ค.) เป็นวันแรกในการโอนเงินอัตราใหม่ แต่เนื่องจากการปรับเงินนั้นจะมีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 มกราคม 2561 เดือนละ 200 บาท ซึ่งเดิมได้ไปแล้วคนละ 400 บาท แต่เมื่อมีผลขึ้นมา สปส.ก็จ่ายเพิ่มให้ด้วย
น.ส.อำพันธ์ กล่าวว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรของ สปส. ผู้ประกันตนจะได้รับเงินย้อนหลังของปี 2561 เดือนละ 200 บาท รวม 12 เดือน เป็นเงิน 2,400 บาท และบวกเดือนมกราคม 2562 อีก 600 บาท รวมเป็นเงิน 3 พันบาท แต่การจ่ายเงินเป็นรายเดือน รวมเดือนมกราคมก็จะเป็น 13 เดือน แต่เดือนมกราคม ยังไม่เข้าบัญชี เนื่องจากต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ โดยต้องตรวจสอบสิทธิก่อน 2 เดือน ยกตัวอย่าง ยื่นขอเดือนมกราคม และตรวจสอบสิทธิไปอีก 2 เดือน เงินจะเข้าสิ้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ปี 2557 ดังนั้น ณ เดือนมกราคม 2562 ก็จะได้ 9 งวด เพราะงวดมกราคม 2561 จะได้รับเงินตอนเมษยน 2561 คือ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ 2 เดือน ดังน้น ในแต่ละเดือนจะไม่ได้รับตรงเดือนนั่นเอง แต่หากรวมทั้งหมดผู้ประกันตนจะได้เงินย้อนหลังครบเดือนมีนาคม 2562
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ผู้ประกันตนบางคนได้รับเงินสงเคราะห์บุตรไม่เท่ากัน เป็นเพราะสาเหตุใด นางอำพันธ์ กล่าวว่า อย่างบางคนได้รับไม่เต็ม 3 พันบาท อาจได้แค่ 1,200-1,400 บาท นั้น เนื่องจากอาจมาจากการลาออกจากการเป็นผู้ประกันตน เช่น หากลาออกไปเดือนสิงหาคม ก็จะทำให้ไม่ได้รับเต็มจำนวน เพราะลาออกไปก่อน ทำให้จ่ายเงินสมทบไม่ครบ ก็จะได้รับเงินย้อนหลังแค่สิงหาคมย้อนไปจนถึงมกราคม ส่วนอีก 6 เดือนที่เหลือก็จะไม่ได้รับ เพราะพ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตนไปแล้ว นอกจากนี้ ก็ยังมีสาเหตุจากกรณีฟันหลอ คือ ลาออกไปแล้ว ไม่ได้ส่งเงินสมทบ แต่กลับมาทำงานต่อ ช่วงที่ลาออกไปก็จะขาดช่วงไป อย่างไรก็ตาม หากสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการตรวจสอบใช้เวลารวดเร็วกว่า 2 เดือนได้หรือไม่ น.ส.อำพันธ์ กล่าวว่า เป็นการทำงานโดยระบบ เป็นการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความถูกต้อง เพราะมีผู้ประกันตนหลายส่วน และสถานประกอบการบางแห่งการจ่ายเงินก็ต้องตรวจสอบอีก ซึ่งหลักเกณฑ์นี้ใช้มานานแล้ว และคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุด จึงต้องใช้เวลา 2 เดือน