อดีตนายกสมาคม รพ.เอกชน ถามรัฐบาลคิดดีแล้วหรือยัง หากเพิ่มค่ายา เวชภัณฑ์ ค่ารักษา เป็นสินค้าและบริการควบคุม เผยคนไข้ 95% มา รพ.เอกชน ซ้ำ เหตุพอใจคุณภาพและราคา มิเช่นนั้นไม่มาซ้ำ ชี้ราคาถูกแล้วคุณฃาพห่วยลงคงไม่พอใจ
วันนี้ (21 ม.ค.) นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ อดีตนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า ถ้าในวันที่ 22 ม.ค. คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ค่ายาและเวชภัณฑ์ และบริการทางการแพทย์เป็นสินค้าและบริการควบคุม รพ.เอกชนคงทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น คงได้แต่ถามว่า คิดดีและรอบคอบแล้วหรือยัง ได้ถามประชาชนที่เขาพอใจบริการนี้แล้วหรือไม่ เพราะ รพ. ที่ค่ารักษาถูกกว่านี้ แต่คุณภาพอีกระดับเขาก็ไม่ได้เลือกไปเข้าอยู่แล้ว ทั้งนี้ หากดูข้อมูลการเข้ารับการรักษาใน รพ.เอกชนใน 1 วัน ประมาณ 4-5 หมื่นคน ประมาณ 90-95% เป็นผู้ป่วยที่มาซ้ำแล้วซ้ำอีก มีเพียง 5-10% ที่มาครั้งแรก และพอมาครั้งแรกแล้วพบว่า เกินครึ่งก็พอใจที่จะมาอีก นั่นแปลว่ามีความคุ้มค่า และพอใจในบริการ เรื่องค่ารักษาไม่ได้เป็นปัญหา มีบางส่วนที่ไม่ถูกใจและมองว่าอาจจะไม่เหมาะกับตัวเองก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีก
“เพราะฉะนั้นวันนี้หากไปถามประชาชนเหล่านี้ ว่า พอใจหรือไม่ถ้าค่ารักษาถูกลง ก็ย่อมตอบว่าพอใจ แต่ถ้าถามว่าค่ารักษาถูกลงแล้ว คุณภาพด้อยลงด้วย เขาก็คงไม่พอใจ เพราะอย่างที่บอกว่าวันนี้ที่มาซ้ำเพราะเขาพอใจในคุณภาพและราคา ส่วนที่บอกว่ากรณีฉุกเฉินแล้วไม่ช่วยนั้นไม่จริง แต่หลักการแพทย์ฉุกเฉินได้มีการแบ่งระดับความฉุกเฉินเอาไว้ หากฉุกเฉินวิกฤตจริง รพ.เอกชนดูแลให้อยู่แล้ว แต่หากไม่ใช่วิกฤตฉุกเฉินจริงก็คือกลับไปใช้ รพ. ตามสิทธิ ซึ่งปี 2561 รพ.เอกชนได้ช่วยผู้ป่วยฉุกเฉินไว้ถึง 2.6 หมื่นคน” นพ.เอื้อชาติ กล่าว
นพ.เอื้อชาติ กล่าวว่า วันนี้ รพ.เอกชน พัฒนาจนทั่วโลกยอมรับ ดังนั้น อย่าไปเปลี่ยนระบบที่ดีเยี่ยมอยู่แล้วไปสู่ระบบที่เรายังไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ เพราะถ้าไม่พอใจจะมาซ้ำทำไม แต่เราเองถ้าไม่ได้ไป รพ.ตามสิทธิและไม่เคยไปรพ.เอกชนแห่งนี้มาก่อน ก็ต้องสอบถามค่ารักษาว่ารับได้หรือไม่ หากได้ก็อยู่ต่อ ถามเลยเจ้าหน้าที่ยินดีตอบอยู่แล้ว ถ้าถามว่าให้กำหนดเพดานแล้วให้ รพ.บวกเพิ่มตามสมควร รพ. ก็ไปเพิ่มในหมวดอื่นอยู่ดี เพราะเขาอยู่ไม่ได้