นักวิจัย ชี้ ฝุ่น PM2.5 ไม่น่ากลัวเท่าพิษจากควันบุหรี่ เหตุสูบบุหรี่ 1 มวน ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเทียบเท่า PM2.5 จำนวน 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร พบสถิติสูบเฉลี่ย 10 มวนต่อวัน เทียบเท่ารับ PM2.5 ถึง 220 มคก./ลบ.ม.
วันนี้ (15 ม.ค.) พญ.เริงฤดี ปธานวนิช รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า มีนักวิจัยในสหรัฐอเมริกา Dr. Richard Muller จากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ทำการคำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ (PM2.5) กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า การสูบบุหรี่ 1 มวนจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศเทียบเท่า PM2.5 ปริมาณ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้สามารถผ่านเข้าสู่ปอด กระแสเลือด และก่อให้เกิดโรคต่างๆ มากมายทั้งโรคปอด หอบหืด โรคหัวใจและมะเร็ง เป็นต้น
พญ.เริงฤดี กล่าวว่า ปัจจุบันที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ล่าสุดมีรายงานค่า PM2.5 สูงถึง 163 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในกรุงเทพ ซึ่งจัดอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการสูบบุหรี่จะเทียบเท่ากับคนกรุงเทพที่ได้รับพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กในปริมาณดังกล่าวสูบบุหรี่หรือรับควันพิษจากบุหรี่คนละ 7.4 มวนต่อวัน
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุด ปี 2560 พบว่าคนไทยสูบบุหรี่จำนวน 10.7 ล้านคน โดยเฉลี่ยสูบคนละ 10 มวนต่อวัน ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าผู้สูบบุหรี่รวมทั้งคนใกล้ชิดที่ได้รับควันบุหรี่จะได้รับมลพิษทางอากาศหรือ PM2.5 สูงถึง 220 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่อยู่ในระดับอันตรายต่อสุขภาพ สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือการได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านจากคนใกล้ชิดที่สูบบุหรี่ ซึ่งปัจจุบันพบคนไทย 18 ล้านคน (32.7%) ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน และในจำนวนนี้กว่า 13 ล้านคน (73.8%) ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านทุกวัน