สภาการแพทย์แผนไทย แถลงคัดค้านร่าง พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรฯ เปิดทางผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ปรุงยาแผนโบราณหรือยาแผนไทย เพื่อใช้กับผู้ป่วยเฉพาะรายได้ ทั้งยังล้ำเข้าไปถึงขั้นรักษาคนไข้ด้วยยาแผนไทย ก้าวล่วงวิชาชีพการแพทย์แผนไทยอย่างไร้มารยาท จี้ตัดมาตราที่เป็นปัญหาออกจากร่างฯ
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 62 สภาการแพทย์แผนไทย นำโดย พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ นายกสภาการแพทย์แผนไทย ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ร่าง พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ....ก้าวล่วงวิชาชีพการแพทย์แผนไทยอย่างไร้มารยาท ใจความว่า รัฐบาลและ สนช.กำลังกระทำอนันตริยกรรมต่อภูมิปัญญาและศาสตร์การแพทย์แผนไทยโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ด้วยการเร่งรัดผ่านร่าง พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ... ซึ่งมีบทบัญญัติที่ก้าวล่วงวิชาชีพการแพทย์แผนไทยอย่างร้ายแรง ในมาตรา 18(2) ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่เปิดช่องให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ สามารถก้าวล่วงเข้ามาปรุงยาแผนโบราณหรือยาแผนไทยเพื่อใช้กับผู้ป่วยเฉพาะราย ซึ่งเป็นการประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ที่สงวนไว้เฉพาะแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยประยุกต์ตาม พ.ร.บ. วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556
ไม่เพียงแต่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นที่ไม่สามารถก้าวล่วงวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเท่านนั้น แม้แต่ในหมู่แพทย์แผนไทยด้วยกันเอง ก็ไม่สามารถประกอบวิชาชีพข้ามสาขาหรือข้ามประเภทที่ตนได้รับอนุญาตได้ โดยมีการกำหนดโทษตามกฎหมายไว้อย่างรุนแรง
อันที่จริงก่อนที่จะมีกฎหมายเข้ามากำกับดูแลอย่างเข้มงวดนั้น ในหมู่แพทย์แผนไทยได้รับการอบรมสั่งสอนจากบูรพาจารย์ให้รู้จักคำว่า “มารยาททางวิชาชีพ” และมารยาทที่สำคัญข้อหนึ่ง คือ ให้ประกอบโรคศิลปะหรือประกอบวิชาชีพตามใบอนุญาตที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเท่านั้น เป็นที่เข้าใจว่ามารยาททางวิชาชีพดังกล่าวน่าจะเป็นข้อปฏิบัติอันเคร่งครัดในวงการวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขแผนปัจจุบันด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากกรณีที่พี่น้องชาวเภสัชกรรม (แผนปัจจุบัน) รวมตัวประท้วงอย่างรุนแรงต่อร่างกฎหมายที่เปิดช่องให้วิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นเข้ามาก้าวล่วงวิชาชีพของตนอย่างไร้มารยาท
นี่แค่กรณีการก้าวล่วงการผลิตยา ปรุงยาและการจ่ายยาตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น แต่กรณีร่าง พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ....มาตรา 18(2) นั้นเป็นการก้าวล่วงที่ร้ายแรงกว่า เพราะไม่เพียงแค่เปิดช่องให้แพทย์และสาธารณสุขแผนอื่นเข้ามาผสมยา ปรุงยาแผนโบราณและยาแผนไทยได้เท่านั้น แต่ยังล้ำเข้าไปถึงขั้นรักษาคนไข้ด้วยยาแผนไทยด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นการก้าวล่วงวิชาชีพอย่างไร้มารยาทแล้ว ยังไม่คำนึงถึงการคุ้มครอง “มหาชน” ที่อาจได้รับอันตรายอันเกิดจากการประกอบโรคศิลปะแห่ง “ผู้ที่ไร้ความรู้และมิได้ฝึกหัด” ซึ่งขัดกับพระราชปรารภแห่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ทรงตราพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ. 2466
เพื่อพิทักษ์พระราชปรารภแห่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในการคุ้มครองผู้บริโภคทางด้านการแพทย์ดังกล่าว และเพื่อการรักษามารยาทแห่งวิชาชีพทางการแพทย์ เราชาวแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนไทยประยุกต์ขอให้รัฐบาล และ สนช. ยกเลิกมาตรา 18(2) ออกจากร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ... ตามที่มวลสมาชิกสภาการแพทย์แผนไทยเคยร้องขอให้ตัดกออกไปในช่วงการทำประชพิจารณ์ ตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560
เหตุผลและความจำเป็นนำยาแผนไทยออกจากร่างพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ....
๑. ยาแผนไทยมีสภาพเป็นยา ที่มุ่งหมายใช้เพื่อการประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยเท่านั้น
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติดังกล่าว ได้ให้นิยามศัพท์ “ยาแผนไทย” ไว้ดังนี้
“ยาแผนไทย” หมายความว่า ยาที่ได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือที่ได้จากการผสม ปรุง หรือแปรสภาพสมุนไพร ที่มุ่งหมายสำหรับใช้ตามศาสตร์องค์ความรู้การแพทยแผนไทยหรือยาที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดให้เป็นยาแผนไทย
นิยามดังกล่าวขาดความสมบูรณ์ ขาดความชัดเจน กล่าวคือ มิได้ระบุความมุ่งหมายใช้ไว้ ดังนี้
“มุ่งหมายใช้ในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์พื้นบ้าน.....”
ระบบยาของประเทศมี ๒ ระบบ คือ
๑.ยาแผนปัจจุบัน (ยาเคมี สารสังเคราะห์ สารสกัด)
๒.ยาแผนทางเลือก (ยาจากสมุนไพร)
ยาทั้ง ๒ ระบบ ใช้องค์ความรู้ที่แตกต่างกัน การผลิต การนำไปใช้กับคนไข้ แตกต่างกัน
แพทย์แผนไทยเป็นแพทย์ทางเลือก ยาแผนไทย ผสม ปรุง จากสมุนไพร ตามศาสตร์องค์ความรู้แพทย์แผนไทย ดังนั้นยาแผนไทย จึงควรระบุให้ชัดเจนว่า “มุ่งหมายใช้ในการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์แผนไทยไทยประยุกต์ การแพทย์พื้นบ้าน....” ซึ่งจะตรงกับองค์ความรู้เฉพาะทาง เพื่อไม่เป็นการก้าวล่วงในวิชาชีพซึ่งกันและกัน
๒. ยาแผนไทย มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากยาสมุนไพรอื่นที่มิได้ผสม ปรุง ตามศาสตร์องค์ความรู้แพทย์แผนไทย
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้ความหมาย “สมุนไพร” “สารสำคัญ” ดังนี้
“สมุนไพร” หมายความว่า ผลิตผลธรรมชาติที่ได้จากพืช สัตว์ จุลชีพ หรือแร่ ที่ใช้ ผสม ปรุง หรือแปรสภาพ เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร
“สารสำคัญ” หมายความว่า วัตถุอันเป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือสารในผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่ใช้เพื่อบำบัด รักษา และบรรเทาความเจ็บป่วยของมนุษย์ หรือการป้องกันโรค ส่งเสริมสุขภาพ บำรุงร่างกาย หรือลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค
จากนิยามสมุนไพร ยาสมุนไพรจึงเป็นยาที่ได้จากผลิตผลธรรมชาติที่ได้จากพืช สัตว์ จุลชีพ หรือแร่ ที่ใช้ ผสม ปรุง หรือแปรสภาพ เพื่อเป็นยา โดยจะใช้องค์ความรู้ใดๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามศาสตร์องค์ความรู้แพทย์แผนไทย จากนิยามสารสำคัญ สารสำคัญในสมุนไพร เป็นวัตถุที่แสดงถึงสรรพคุณหรือข้อบ่งใช้ของยา
จากนิยามทั้ง ๒ ยาสมุนไพรที่ไม่ใช่ยาแผนไทย จะใช้สารสำคัญเพื่อการระบุสรรพคุณ หรือข้อบ่งใช้ของยาเท่านั้น ยาแผนไทยเป็นยาที่ได้จากสมุนไพรโดยตรง หรือที่ได้จากการผสม ปรุง หรือแปรสภาพสมุนไพร โดยใช้ศาสตร์องค์ความรู้การแพทย์แผนไทยเท่านั้นในยาแผนไทยการระบุสรรพคุณ ใช้รสยา ฤทธิ์ยา เพื่อการระบุสรรพคุณของยาเท่านั้น มิได้ใช้สารสำคัญเพื่อการระบุสรรพคุณยา ดังนั้น ยาแผนไทยจึงมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากยาสมุนไพรอื่น
๓. ยาแผนไทย มีความแตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นที่มิใช่ยา
ยาเป็นหนึ่งในปัจจัย ๔ มีความจำเป็นแก่มนุษย์ ขาดไม่ได้ ยาจึงมีความแตกต่างจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั่วไป จึงไม่ควรนำยากับผลิตภัณฑ์อื่นที่ไม่ใช่ยามาไว้ร่วมพระราชบัญญัติเดียวกัน
๔. ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเปิดโอกาสให้มีการก้าวล่วงในวิชาชีพ กล่าวคือ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย สามารถนำผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาผสม แบ่ง ขาย สำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายของตน ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกันกับหลักสากล กระทบการให้บริการประชาชนตามหลักเกณฑ์ คุณภาพ ความถูกต้องและมาตรฐานของวิชาชีพ
ร่าง พ.ร.บ. ผลิตภัณฑ์สมุนไพรมาตรา ๑๘ (๓)(๔)(๕) อนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย กล่าวคือ สามารถผสมยา สามารถแบ่งยา สามารถขายยา ให้แก่ผู้ป่วยเฉพาะรายของตน ในสถานที่ประกอบการของตน เป็นการกระทำที่ขัดกันกับหลักสากล กระทบการให้บริการประชาชนตามหลักเกณฑ์คุณภาพ ความถูกต้องและมาตรฐานของวิชาชีพ อาจกระทบต่อสิทธิของประชาชนในการได้รับบริการสุขภาพที่เหมาะสม ถูกต้องและมาตรฐาน การก้าวล่วงวิชาชีพยังเป็นการริดรอนสิทธิในการประกอบวิชาชีพอีกด้วย
๕. ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบธุรกิจยาจากต่างประเทศเข้ามาประกอบการแข่งขันกับผู้ประกอบการภายในประเทศ โดยที่ผู้ประกอบการภายในประเทศยังไม่มีความพร้อม
มาตรา ๑๙ ในพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นเรื่องของคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขออนุญาตผลิต นำเข้า หรือขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร มาตราดังกล่าวมิได้ระบุคุณสมบัติที่สำคัญ คือ “ต้องมีสัญชาติไทย”
การไม่ระบุคุณสมบัติดังกล่าว เป็นการแสดงเจตนาที่จะเปิดทางให้ผู้ประกอบการต่างประเทศเข้ามาประกอบธุรกิจแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจภายในประเทศ โดยที่ผู้ประกอบธุรกิจภายในประเทศหลายรายยังอ่อนแอ ยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับมาตรฐานขั้นสูงของต่างชาติ จะเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จะเกิดผลเสียต่างๆ เช่น การล้มเลิกกิจการของผู้ประกอบการรายเล็ก รายน้อย การเข้าครอบงำธุรกิจยาของกลุ่มทุนยาข้ามชาติ ผลเสียจะเกิดแก่ประเทศชาติ ในด้านความมั่นคงทางยาและประชาชน จะต้องซื้อยาที่มีราคาสูงขึ้นจากการผูกขาดแต่อาจไม่มีคุณภาพตรงตามความรู้ตามศาสตร์แพทย์แผนไทย
๖. ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติล่วงรู้ความลับในองค์ความรู้ตำรับยาแผนไทย ซึ่งควรสงวนไว้เฉพาะคนไทยเท่านั้น
มาตรา ๕๔ ในกระบวนการพิจารณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้เจ้าหน้าที่ บุคคล องค์กร หรือหน่วยงาน ทำหน้าที่ประเมิน ตรวจสอบ และพิจารณาผลิตภัณฑ์สมุนไพร
มาตรา ๕๔(๓) เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญ องค์กรผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ได้รับการขึ้นบัญชีจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและเลขาธิการมอบหมายให้ทำหน้าที่ดังกล่าว ยาแผนไทยเป็นอัตลักษณ์ของการแพทย์แผนไทยที่ต่างประเทศต้องการและบรรพบุรุษหมอไทยได้เก็บไว้ให้แก่ชนชาติไทยเท่านั้น ต่อเนื่องมาเป็นมรดกทางภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาติ ควรเป็นความลับ เก็บสงวนไว้เฉพาะคนในชาติเท่านั้น มิควรให้ต่างชาติล่วงรู้หากต่างชาติล่วงรู้ ด้วยความเจริญทางเทคโลยี่ที่ก้าวหน้ากว่า อาจถูกนำไปใช้ต่อยอดและจดลิขสิทธิ์ จะเกิดความสูญเสียอย่างมหาศาล
จากเหตุผลดังกล่าว จึงจำเป็นต้องนำยาแผนไทยออกจากพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. ....