xs
xsm
sm
md
lg

หนุนแยก “กีฬา” ออกจากชั่วโมงพละ เน้นสอนนิสัยออกกำลังกาย-รู้จักเคลื่อนไหวร่างกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กรมอนามัย หนุนโรงเรียนแยก “กีฬา” ออกจากชั่วโมงพลศึกษา ตั้งเป็นชมรมแทน ให้เด็กเข้าร่วมตามความสนใจ ชี้ วิชาพละ ควรเป็นพื้นที่ปลูกฝังเด็กเข้าใจและคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวร่างกาย-ออกกำลังกาย ให้ติดเป็นนิสัยไปจนโต เผย เด็กบางคนไม่ชอบกีฬา แต่ไม่ได้แปลว่าไม่ชอบออกกำลังกาย เดินหน้าโครงการโรงเรียนรอบรู้สุขภาพ

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการเพิ่มการออกกำลังกายให้แก่คนไทย ว่า วิธีหนึ่งในการเพิ่มการออกกำลังกายให้แก่คนไทย คือ จะต้องปลูกฝังและสร้างความคุ้นชินในเรื่องของการเคลื่อนไหวและการออกกำลังกายตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน ซึ่งกรมฯ มีการทำงานร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ผ่านโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และพัฒนาเป็นโรงเรียนรอบรู้สุขภาพ คือ ให้เด็กเข้าใจว่าสุขภาพเป็นของเขาเอง และต้องดูแลด้วยตัวเอง ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่การมาเรียนพละ ซึ่งชั่วโมงพลศึกษาปัจจุบันพบปัญหา ว่า มีความปนกันระหว่างกีฬาและการออกกำลังกาย ซึ่งเมื่อชั่วโมงพละเอากีฬ่าเป็นตัวตั้ง เช่น สอนฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล แบดมินตัน ตะกร้อ เป็นต้น ก็จะมีผลแก่เด็กนักเรียน เนื่องจากเด็กนักเรียนอาจไม่ได้ชอบกีฬาทุกอย่าง และเด็กบางคนก็ไม่ชอบกีฬาเลย หรือเด็กบางคนไม่ถนัดในการเล่นกีฬา ก็ทำให้เรียนไม่ได้ดีในวิชาพละนั้นๆ แต่ไม่ได้แปลว่า เขาไม่ได้ออกกำลังกาย ดังนั้น พื้นฐานสุดที่เราอยากสร้างความเข้าใจ คือ เรื่องของการทำให้เด็กออกกำลังกายแล้วมีสุขภาพที่ดี ส่วนกีฬาต่างๆ ให้เป็นเรื่องต่อยอดแล้วแต่ความถนัดหรือความชอบของเด็กไป

“ชั่วโมงพลศึกษา ไม่ใช่ชั่วโมงที่จะเล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว แต่ควรเป็นช่วงเวลาและพื้นที่ที่ทำให้เด็กคุ้นชินและเข้าใจเรื่องของการออกกำลังกายมากขึ้น กิจกรรมที่ทางกรมฯ เข้าไปทำร่วมกับโรงเรียน คือ พยายามทำให้ชั่วโมงพลศึกษาเป็นการเรียนรู้การเคลื่อนไหวและออกกำลังกายด้วยความสนุกสนาน และทำให้เด็กรู้สึกว่า ชั่วโมงนั้นไม่ใช่ชั่วโมงบังคับที่จะทำให้เด็กต้องมาเล่นกีฬาที่ตัวเองไม่ชอบหรือไม่มีทักษะ โดยในส่วนของเด็กประถมศึกษาจะเน้นการปลูกฝังและสร้างความคุ้นชินการผ่อนคลายร่างกายด้วยการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหว ผ่านการทำกิจกรรมการเข้าฐานต่างๆ ส่วนมัธยมศึกษา จะเป็นการฝึกตัวเด็กในการเคลื่อนไหวร่างกาย ด้วยกิจกรรมที่เขารู้สึกว่าเพลิดเพลินคุ้นเคย และสอนให้เข้าใจคอนเซ็ปต์ว่า ร่างกายเราต้องเคลื่อนไหวจนถึงจุดที่รู้สึกว่า เหนื่อยนิดๆ ที่เรียกว่าออกกำลังกาย และระดับที่เรียกว่าแอโรบิก เพื่อให้คุ้นเคยกับพฤติกรรมเช่นนี้ หรือการยืดเหยียดทำให้ช่วยจัดการร่างกายตัวเองแบบไหนอย่างไร ส่วนกลุ่มที่จะเป็นนักกีฬาก็ให้เป็นชมรมกีฬา เข้าร่วมตามความสนใจ ซึ่งหลายโรงเรียนเริ่มมีการเอากีฬาออกจากชั่วโมงพลศึกษาแล้ว และนำไปเป็นชมรมกีฬาต่างๆ แทนตอนเลิกเรียน เด็กชอบอะไรก็ไปเลือกเข้าชมรมนั้นๆ แทนที่จะใช้ชั่วโมงพละที่จะต้องมาเรียนรายกีฬา” พญ.พรรณพิมล กล่าว

พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมแล้วหลายพันโรงเรียน แต่โรงเรียนที่มีการจัดโปรแกรมในระดับดีมีอยู่ประมาณ 300 กว่าโรง ซึ่งการปลูกฝังให้เด็กคุ้นชินกับการออกกำลังกายจะช่วยให้เมื่อโตไปเขาก็จะเกิดพฤติกรรมติดการออกกำลังกายและรู้ว่าควรจะต้องดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไร เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เกิดความสบาย จากการหลั่งสารเอนโดรฟินออกมา ทำให้สบายทั้งกายและใจ ทั้งนี้ ในต่างประเทศอย่างเกาหลีเขาจะจริงจังในชั่วโมงพละมากที่จะต้องปลูกฝังให้มีการเล่น การคเลื่อนไหวเช่นนี้มากๆ นอกจากนี้ อาจจะต้องเพิ่มพื้นที่สาธารณะเพื่อให้เกิดพื้นที่ในการชักจูงให้คนออกกำลังกายเพิ่มขึ้นด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น