xs
xsm
sm
md
lg

หลอดลมอักเสบ ต้นเหตุ "ไอเรื้อรัง"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โรคหลอดลมอักเสบเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลม ซึ่งเป็นท่อที่นำลมหรืออากาศหายใจเข้าสู่ปอด เมื่อเยื่อบุหลอดลมบวมมีเสมหะส่งผลให้อากาศไหลผ่านหลอดลมเข้าปอดได้ไม่ดี หายใจลำบาก ทำให้เกิดอาการไอ ไอแห้ง หรือไอมีเสมหะ และอาจมีอาการอื่นๆคล้ายโรคหวัดร่วมด้วย เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ต่ำ โดยอาการของโรคหลอดลมอักเสบมักหายได้เองภายใน 7-10 วัน

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการไอแห้งอาจเป็นได้นานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ทั้งนี้ โรคหลอดลมอักเสบแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลัน ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสทำให้เกิดอาการไอ มีเสมหะ โดยจะมีอาการไม่เกิน 3 สัปดาห์ ส่วนมากเป็นภายหลังไข้หวัดที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี ทำให้เชื้อลามลงไปถึงหลอดลม 2.โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดจากการไอเรื้อรังมากกว่า 3 เดือน ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี สาเหตุมาจาก ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรังจากการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานาน และการสัมผัสกับมลภาวะเป็นระยะเวลานาน เช่น ฝุ่น ควัน

นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า โรคหลอดลมอักเสบสามารถป้องกันได้หลายวิธี ได้แก่ 1.พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ 2.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควัน ฝุ่น สารเคมี หรือสารระคายเคืองต่างๆ 3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศเย็น และอากาศจากเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากทำให้ร่างกายอ่อนแอ มีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง และกระตุ้นเยื่อบุหลอดลมให้อักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการไอมากยิ่งขึ้น 4.ควรให้ความอบอุ่นร่างกายขณะนอนพักผ่อนให้เพียงพอ เช่น การห่มผ้าหรือสวมเสื้อผ้าหนาๆ 5.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 ครั้ง

ทั้งนี้ ควรดูแลรักษาสุขภาพและรับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงและมีอนามัยที่ดีอยู่เสมอ หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอกเวลาไอ ไอมากจนรบกวนการรับประทานอาหารหรือการนอนหลับพักผ่อนควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น