พยากรณ์โรคประจำสัปดาห์ 16-22 ธ.ค. 2561 เตือนพื้นที่ภาคใต้ระวัง “โรคไข้ปวดช้อยุงลาย” คาด แนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังพบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องและมากกว่าพื้นที่อื่น แนะมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค
วันนี้ (15 ธ.ค.) กรมควบคุมโรค ได้เผยแพร่พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพ ฉบับที่ 189 ประจำสัปดาห์ระหว่างวันที่ 16-22 ธ.ค. 2561 โดยเตือนประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ระวังป่วยด้วยโรคไข้ปวดข้อยุงลาย แนะกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ด้วยมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค”
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้ปวดข้อยุงลายหรือโรคชิคุนกุนยา ในปี 2561 (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-10 ธ.ค. 61) พบผู้ป่วยแล้ว 2,143 ราย จาก 13 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต จังหวัดที่มีอัตราส่วนผู้ป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 ลำดับแรก คือ สงขลา สตูล นราธิวาส ภูเก็ต และ ปัตตานี จากโปรแกรมตรวจสอบฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบการรายงานผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี กรุงเทพมหานคร และเชียงใหม่
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่า ช่วงนี้จะมีผู้ป่วยโรคไข้ปวดข้อยุงลายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าพื้นที่อื่นๆ ประกอบกับช่วงนี้ยังมีฝนตกในหลายพื้นที่ อาจเกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ทำให้เอื้อต่อการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายได้ โรคไข้ปวดข้อยุงลายเป็นโรคติดต่อนำโดยแมลง ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะ ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการไข้สูง ปวดข้อ ข้อบวม หรือข้ออักเสบร่วมกับมีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นหรืออ่อนเพลีย
การป้องกันการแพร่กระจายของโรคที่ดีที่สุด คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ด้วยมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1. เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง ขัดล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์ 2. เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และนำวัสดุเหลือใช้นำไปขายเป็นรายได้เสริม และ 3. เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ทั้งนี้จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรคในคราวเดียวกัน คือ 1. โรคไข้เลือดออก 2. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3. ไข้ปวดข้อยุงลาย นอกจากนี้ ประชาชนต้องดูแลตนเองและคนในครอบครัว โดยการป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัดด้วยการทายากันยุงและกำจัดยุงในบ้าน หากมีอาการป่วยข้างต้นขอให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422