เด็ก...ต้องการการดูแลที่ใกล้ชิด เพื่อความสมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ พัฒนาการ และพฤติกรรม ผู้ปกครองและคนใกล้ชิดควรใส่ใจดูแลสุขภาพเด็กตั้งแต่วันนี้ เพื่อเตรียมพร้อมให้เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงขึ้นในอนาคต รวมทั้ง เรื่องของสุขภาพฟันเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย โรคฟันผุในเด็กเล็กมักเกิดขึ้นได้เพราะเด็กกับขนมหวานเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก และโรคฟันผุถือเป็นโรคติดเชื้อที่พบมากในประชากรเด็กไทย
นพ.พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ รพ.กรุงเทพ กล่าวว่า เด็กมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละระยะเป็นลักษณะเฉพาะ พัฒนาการ 4 ด้านของเด็ก ได้แก่ การศึกษาปฐมวัย เป็นการศึกษาเด็กอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีและเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการเด็กความต้องการของเด็ก สอนให้เด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ฝึกพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน เช่น พัฒนาการทางร่างกาย พัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และพัฒนาการทางด้านจิตใจ เด็กจะเจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์กระทั่งหลังคลอด ร่างกายและสมองจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 0-6 ปีแรกของชีวิต ขบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ การเจริญเติบโต และพัฒนาการ หมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงด้านวุฒิภาวะ (maturity) ของอวัยวะระบบต่างๆ และตัวบุคคล ทำให้เพิ่มความสามารถของบุคคลในการทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำสิ่งที่ยากและซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ ตลอดจนการเพิ่มทักษะและความสามารถในการปรับตัวในภาวะใหม่ของบุคคล พัฒนาการของเด็ก แบ่งออกเป็น 4 ด้าน
1. พัฒนาการด้านร่างกาย การบังคับกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น ชอบปีนป่ายเตะบอล สามารถขี่จักรยานสามล้อได้ 2. พัฒนาการด้านสติปัญญา เด็กสามารถที่จะใช้สัญลักษณ์แทนวัตถุและสถานที่ได้ มีทักษะการใช้ภาษาอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ สามารถที่จะอธิบายประสบการณ์ของตนได้ โดยเด็กในวัยนี้สามารถที่จะวาดภาพพจน์ในใจได้ รวมถึงการใช้ความคิดหรือสร้างจินตนาการและการประดิษฐ์ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเด็กในวัยนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณครูส่งเสริมให้เด็กใช้การคิดประดิษฐ์ในการเล่าเรื่องหรือการวาดภาพ ก็จะช่วยพัฒนาการด้านนี้ของเด็กได้มากยิ่งขึ้น 3. พัฒนาการด้านอารมณ์ เด็กในวัยนี้เริ่มมีลักษณะอารมณ์แบบผู้ใหญ่ คือ โกรธ อิจฉา กังวล ก้าวร้าว พอใจ เป็นต้น 4. พัฒนาการด้านสังคม เด็กจะสามารถช่วยเหลือตนเองได้ดีขึ้น อาบน้ำ แต่งตัว ใส่รองเท้าเอง บอกเวลาขับถ่าย เข้าห้องน้ำเองและทำความสะอาดหลังขับถ่ายเองได้ ทั้งนี้ เด็กเรียนรู้ที่จะปฏิบัติตัว เพื่อให้สังคมยอมรับ ทำตัวให้เข้ากลุ่มได้
โดยพัฒนาการของเด็กวัย 1-4 ปี ได้แก่ วัย 1 ปีเริ่มพูดเป็นคำที่มีความหมาย เช่น พ่อ แม่ เลียนเสียง ท่าทางและเสียงพูดได้ พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 3 เดือน ชี้ส่วนต่างๆ ของร่างกายตามคำบอก ดื่มน้ำจากถ้วย พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 6 เดือน เริ่มเดินได้คล่อง รู้จักขอ และทำตามคำสั่งง่ายๆ ได้ พัฒนาการของเด็กวัย 1 ปี 8 เดือน พูดแสดงความต้องการ พูด 2-3 คำติดต่อกัน เริ่มพูดโต้ตอบ พัฒนาการของเด็กวัย 2 ปีสามารถเรียกชื่อสิ่งต่างๆ และคนที่คุ้นเคย ตักอาหารกินเอง พัฒนาการของเด็กวัย 2 ปี 6 เดือน ซักถาม พูดคำคล้องจอง เลียนแบบท่าทาง หัดแปรงฟัน พัฒนาการของเด็กวัย 3 ปี จะบอกชื่อและเพศตนเองได้ รู้จักให้และรับ รู้จักรอ พัฒนาการของเด็กวัย 4 ปี เริ่มซักถามคำว่า “ทำไม” สามารถล้างหน้า แปรงฟันเองได้ บอกขนาด ใหญ่ เล็ก ยาว-สั้น และเล่นรวมกับคนอื่นโดยรอตามลำดับก่อนหลังได้
ทั้งนี้ สิ่งที่ควบคู่ไปพร้อมๆ กับพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจ คือ สุขภาพของเด็ก โดยอย่างยิ่งสุขภาพฟัน ทพญ. ดาราวรรณ หอมรสสุคนธ์ ทันตแพทย์เด็ก รพ. กรุงเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน้าที่ของฟันน้ำนม ใช้เพื่อบดเคี้ยวอาหาร ให้ความสวยงาม ความมั่นใจให้กับเด็ก สร้างรอยยิ้มและความประทับใจ ให้แก่ผู้พบเห็น ช่วยในการออกเสียงที่ไพเราะ และที่สำคัญ คือ ช่วยเก็บที่ให้กับฟันแท้ที่จะขึ้นมาในวันข้างหน้า ในช่วงวัยเด็กเล็กที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย พร้อมๆ กับการเจริญเติบโตของฟันและขากรรไกร ควรมีการกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยไปด้วยกัน ควรแยกเวลาทานนมและเวลานอนออกจากกัน ซึ่งเด็กมีโอกาสฟันผุมากขึ้นหากปล่อยให้เด็กดูดนมหลับคาอกหรือหลับคาขวดหรือตื่นขึ้นมาดื่มนมในเวลากลางคืน ไม่แนะนำให้ใช้เครื่องดื่มรสหวานใส่ขวดนม หรือใช้นมปรุงแต่งรส น้ำหวาน น้ำผลไม้ เพราะจะทำให้ฟันผุลุกลามอย่างรวดเร็ว
จากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติในปีพ.ศ. 2560 พบว่า กว่า 50% ของเด็กไทยมีฟันผุก่อนเข้าชั้นอนุบาล ทั้งนี้ โรคฟันผุมีผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย โดยฟันน้ำนมซี่แรกจะขึ้นเมื่อเด็กอายุราวหกถึงเจ็ดเดือน เด็กแต่ละคนมีฟันซี่แรกอาจขึ้นเร็วหรือช้าต่างกัน บางคนมีฟันซี่แรกอาจจะขึ้นตั้งแต่ 3 เดือน หรือบางคนฟันซี่แรกอาจขึ้นหลังจากอายุครบหนึ่งขวบปีไปแล้ว แต่ไม่พบบ่อยนัก การขึ้นของฟันน้ำนมมักจะเริ่มจากฟันหน้าล่างแล้วขึ้นไปที่ฟันหน้าบน ทยอยขึ้นจนมีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่เมื่ออายุประมาณสองขวบครึ่งถึงสามขวบ ในช่วง1-4 ปี จึงเป็นช่วงสำคัญในการวางรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีสำหรับลูกน้อย เริ่มต้นการรักษาสุขภาพช่องปากตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นโดยแนะนำให้มีการทำความสะอาดฟันและช่องปากร่วมกับการพบทันตแพทย์สำหรับเด็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นหรือไม่เกิน 6 เดือนหลังฟันซี่แรกขึ้น
โรคฟันผุเป็นโรคติดเชื้อที่พบได้ง่ายที่สุด มักเกิดจากเชื้อโรคกลุ่ม Strep mutans ซึ่งมีการใช้น้ำตาลแล้วผลิตเป็นกรด ทำให้เกิดมีการสูญเสียแร่ธาตุของโครงสร้างฟัน เชื้อโรคกลุ่มใหญ่นี้พบได้ทั้งในช่องปากตั้งแต่ฟันยังไม่ขึ้น และส่งต่อได้จากแม่ แต่โรคฟันผุก็สามารถป้องกันได้หากผู้ปกครองได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากทันตแพทย์ โดยแนะนำให้พบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อเด็กมีอายุครบหนึ่งขวบ โดยทันตแพทย์จะทำการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุของเด็ก พิจารณาการใช้ฟลูออไรด์ที่เหมาะสม ในการให้ฟลูออไรด์เสริมตามความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ ทันตแพทย์จะสอนวิธีทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถได้ฝึกปฏิบัติจริงในเด็ก แนะนำการใช้เลือกใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันที่เหมาะสม โดยในเด็กเล็กแนะนำให้ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณน้อยไม่เกินหนึ่งเม็ดข้าวสารแล้วใช้ผ้าสะอาดช่วยเช็คฟองออกเพื่อป้องกันการกลืนยาสีฟันในเด็ก การรับประทานอาหารระหว่างมื้อ ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อวัน หลีกเลี่ยงการให้ขนมกรุบกรอบ ขนมถุง ลูกอม เยลลี่ น้ำหวาน น้ำอัดลม ฝึกรับประทานอาหารให้เป็นเวลา ในช่วงนี้ต้องประเมินว่า เด็กมีนิสัย ติดจุกนมปลอม ดูดนิ้ว เม้มหรือกัดริมฝีปาก กัดเล็บหรือไม่ ถ้ามีควรเข้ารับการปรึกษาจากทันตแพทย์เพื่อแนะนำการปรับเปลี่ยนนิสัยดังกล่าว
การตรวจฟันครั้งแรกก็เหมือนกับการพาลูกไปฉีดวัคซีน และดูพัฒนาการ การเจริญเติบโตของลูกน้อยกับกุมารแพทย์ โดยทันตแพทย์จะให้คำปรึกษาแนะนำผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก ในการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นรายบุคคล เพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพฟันที่แข็งแรง ให้ฟันสวยยิ้มใสตลอดอายุการใช้งานของฟัน