“ธีระเกียรติ” ให้เวลา 30 วัน ตรวจสอบโครงการ UniNet จ่อตั้งดีเอสไอประจำ ศธ. เป็นทีมกฎหมายพิเศษ ขึ้นตรงรัฐมนตรี ขณะที่ “อำนาจ” ประธานตรวจสอบเตรียมประชุมนัดแรก 30 พ.ย.
วันนี้ (27 พ.ย.) ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการอบรมและบรรยายพิเศษโครงการเสริมสร้างและพัฒนาวินัยและการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมานการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมีศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) รอง ศธจ. ผู้อำนวยการบริหารงานบุคคล และนิติกร สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้าร่วม ว่า หลักการทำงานของตนที่ยึดถือมากที่สุด คือ กฎหมาย หรือ หลักนิติธรรม จะเห็นได้ว่าหลายเรื่องที่ทำได้ เปลี่ยนแปลงไปได้เพราะอาศัยข้อกฎหมายทั้งสิ้น ทั้งการตรวจสอบกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต การตรวจสอบโครงการระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา (MOENet) ก็มีความก้าวหน้าและส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล่าสุด ที่กำลังสั่งการให้ตรวจสอบ คือ กรณีโครงการเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา หรือ ยูนิเน็ต (UniNet) ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งมีบริษัทเอกชนร้องเรียนว่าการเขียนขอบเขตงานหรือ ทีโออาร์บางข้อเฉพาะเจาะจงเกินไป เช่น บริษัทต้องมีสำนักงานอยู่ในรัศมี 1 กิโลเมตร ซึ่ง ขณะนี้ตนได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบให้ ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ รองปลัด ศธ. เป็นประธาน ให้ลงไปดูในรายละเอียดในทีโออาร์ ซึ่งกรรมการประกอบด้วย บุคคลภายนอกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ตามที่ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ เสนอมา และนิติกรอีก 3 คน โดยกำหนดระยะเวลาทำงานภายใน 30 วัน ไม่ต้องกังวลตนไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่นอน
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาทุจริตใน ศธ. ขณะนี้ตนต้องการให้สำนักนิติการ ของ ศธ. มีความเข้มแข็งมากขึ้น เพราะจะเป็นกำลังสำคัญของ ศธ. ในการกำกับดูแลกฎหมาย และเร็วๆ นี้ ตนจะตั้งดีเอสไอประจำ ศธ. เป็นทีมกฎหมายกลุ่มพิเศษ ขณะนี้ได้อัตรามาแล้ว 8 ตำแหน่ง ซึ่งจะวางเส้นทางความก้าวหน้าให้สูงถึงระดับ 10 และพยายามหาค่าตอบแทนที่สะท้อนการทำงานแท้จริง
“ดีเอสไอของ ศธ. จะเป็นฝ่ายกฎหมายพิเศษ เป็นหน่วยงานกลาง สังกัดสำนักนิติการ ของ สป.ศธ.
โดยฝ่ายนี้จะขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการ ศธ. จะรับผิดชอบดูเรื่องร้องเรียนจากแท่งต่างๆ ภายในกระทรวง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) หากมีเรื่องร้องเรียนมา อาจจะไม่เข้าใจ ดองเรื่อง หรือช่วยเหลือกันจนทำให้การตรวจสอบล่าช้า หรือเมื่อมีเรื่องร้องเรียนใหญ่ๆ เข้ามา เช่น การทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต หรือโครงการอาหารกลางวัน ถ้ารอให้ต้นสังกัดตรวจสอบ ต้องรอจนคดีล่าช้า จำต้องมีหน่วยงานกลางขึ้นมาเพื่อตรวจสอบโดยเฉพาะ ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนที่ทำงานได้ทำงานจริง และอย่าทำงานฟรี สามารถเบิกโอทีได้ อีกทั้งปัจจุบันสังคมเห็นว่า ศธ. มีปัญหามาก และตกเป็นจำเลยที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบหลายเรื่อง และวันนึงเมื่อผมหมดหน้าที่ และประเทศมีการเลือกตั้ง อยากให้นิติกร เป็นที่เพิ่งพิงและเป็นหลักให้ประเทศ ไม่ต้องกลัวนักการเมือง ทุกคนต้องตรงไปตรงมา อย่าเข้าใครออกใคร” นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ด้าน นายอำนาจ กล่าวว่า ตนรับทราบคำสั่งที่ นพ.ธีระเกียรติ แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบฯ แล้ว ซึ่ง รมว.ศึกษาธิการ ให้เวลา 30 วัน โดยจะประชุมนัดแรกวันที่ 30 พ.ย. นี้ เพื่อวางแนวทางการทำงาน ส่วนตัวไม่หนักใจและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย