จักษุแพทย์เตือน “ยาแก้เซ็กซ์เสื่อม” ส่งผลเซลล์รับภาพดวงตา ทำมองเห็นสีผิดเพี้ยน มองเห็นเป็น “ฟ้าเหลือง” แต่อาการจะหายไปเมื่อยาหมดฤทธิ์ ห่วงผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว อาจเกิดปัญหาขั้วประสาทตาขาดเลือด ทำตามัวถาวรได้
วันนี้ (27 พ.ย.) ผศ.นพ.ณวพล กาญจนารัณย์ อาจารย์สาขาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงผลกระทบจากอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่มีผลต่อดวงตา ว่า สิ่งที่มีผลต่อดวงตา คือ การใช้ยาซิลเดนาฟิล ที่ใช้ในการรักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ โดยช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว แก้ปัญหาการไม่แข็งตัวขององคชาติ แต่ยาดังกล่าวมีผลกระทบต่อเซลล์รับภาพและสีของดวงตาด้วย ทำให้เซลล์รับภาพเสื่อมลงไปชั่วคราว จนมองเห็นสีที่ผิดเพี้ยนไป โดยเฉพาะสีน้ำเงินและสีเหลือง โดยจะเห็นสีเหลืองมากขึ้น หรือมองจนฟ้าเหลือง แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์ลงไปก็จะกลับมาเป็นปกติได้ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าใช้ยาดังกล่าวแล้วเกิดการมองเห็นสีที่ผิดเพี้ยน ขอให้มาพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจประเมิน เนื่องจากบางคนอาจมีปัญหาเซลล์รับภาพไม่ดีอยู่แล้ว หรือโรคมองไม่เห็นในที่มืด แต่ไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นเซลล์ก็จะยิ่งเสื่อมเร็วผิดปกติ การใช้ยาดังกล่าวก็ยิ่งทำให้เซลล์เสื่อมลงยิ่งขึ้น จนเกิดปัญหาการมองเห็นขึ้นได้
“เนื่องจากยาดังกล่าวเป็นการขยายหลอดเลือด จึงมีการนำไปใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ ด้วย ซึ่งเท่าที่มีการติดตามคนที่รับประทานยานี้อย่างต่อเนื่อง เช่น 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน พบว่า เจอปัญหามองเห็นสีผิดเพี้ยนจาก 3 คนใน 200 คนเท่านั้น หรือประมาณ 0.1% ที่มีความผิดปกติ แต่ในกลุ่มผู้สูงอายุหรือคนมีโรคประจำตัวที่มีความเสื่อมของเซลล์อยู่แล้ว และส่วนใหญ่จะเป็นวัยที่ใช้ยารักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จึงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นจากการใช้ยานี้” ผศ.นพ.ณวพล กล่าว
ผศ.นพ.ณวพล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกเรื่องที่ยาดังกล่าวทำให้เกิดผลกระทบต่อดวงตาได้ คือ ทำให้ขั้วประสาทตาขาดเลือด ซึ่งกรณีเช่นนี้พบได้น้อย เพียง 2.8 ต่อแสนคน แต่เป็นอาการที่รุนแรง โดยจะทำให้เกิดปัญหาตามัวอย่างถาวร และการรักษาก็ไม่ทำให้กลับมามองเห็นชัดตามเดิมได้ ซึ่งกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เส้นเลือดไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งมีการใช้ยาดังกล่าวร่วมด้วยก็เพิ่มความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นทำให้เลือดไปเลี้ยงขั้นประสาทตาน้อยลง จึงต้องระมัดระวังในการใช้ยานี้อย่างมาก ซึ่งแพทย์ที่สั่งจ่ายยาจะทราบความเสี่ยงในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะยาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดวงตาเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ด้วย ดังนั้น ขอย้ำว่าคนที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อย่าซื้อยามารับประทานเอง ต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยก่อน เพราะการใช้ยามีความเสี่ยงทั้งต่อดวงตาและอวัยวะอื่นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในการประชุมอบรมวิชาการฟื้นฟูความรู้วิชาการโดยสหวิชาชีพ เรื่อง "Intergrative Health Care 2018" ในวันที่ 29-30 พ.ย. 2561 ที่ห้องประชุมอาคารเรียนและปฏิบัติการรวม (ปิยชาติ 2) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จัดโดย ศูนย์ตาธรรมศาสตร์ ร่วมกับ คณะแพทย์แผนไทยประยุกต์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ และศูนย์ตาประดิษฐ์ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะมีการบรรยายในหัวข้อ ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ภัยร้ายใกล้ตา และการบรรยายให้ความรู้อื่นๆ เช่น Sex and the Eye, Eye Care for Eye Nurse, สุขภาพตาดีได้ด้วยแพทย์แผนไทย, ตาสวยด้วยมือแพทย์, ยาที่มีผลต่อดวงตา, โรคตาเด็กควรรู้, อภิปรายกัญชาทางออกของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและมะเร็ง, การวิจัยยาไทยในโรคสตรี, การบูรณาการงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น, นวัตกรรมในการส่งยาเข้าสู่ดวงตาด้วยนาโนพาร์ติเคิล เป็นต้น โดยทันตแพทย์และพยาบาลที่เข้าร่วมอบมรมจะได้รับคะแนนการศึกษาต่อเนื่องด้วย โดยทันตแพทย์ได้รับ CDEC 8.5 หน่วย ส่วนพยาบาล ได้รับ CNEU 10.5 หน่วย ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ www.tec.in.th