การสอนลูกให้รักธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ เพราะการเปิดโอกาสให้ลูกได้สัมผัสกับใกล้ชิดกับธรรมชาตินั้นนอกจากจะเป็นการส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านของลูกแล้วยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็กในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นอกจากนี้การที่เด็กๆได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาตินั้นจะช่วยให้เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยนได้สัมผัสถึงความงดงามของธรรมชาติซึ่งจะเป็นการปลูกฝังให้เด็กเกิดความรู้สึกรักและหวงแหนธรรมชาติขึ้นมาในจิตใจโดยที่ไม่ต้องมีใครบังคับ โดยคุณพ่อคุณแม่มีวิธีง่ายๆในการที่จะปลูกฝังให้ลูกมีจิตสำนึกที่ดีในการรักธรรมชาติ ดังนี้
1. พาลูกไปท่องเที่ยวชื่นชมแหล่งธรรมชาติ ในวันหยุดคุณพ่อคุณแม่ควรหาโอกาสพาลูกไปท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติ เช่น ไปเที่ยวทะเล โดยให้เด็กได้มีโอกาสหยิบจับทราย เล่นก่อกองทรายริมทะเล ลงเล่นน้ำทะเล พาลูกไปเที่ยวท้องไร่ท้องนา พาลูกไปเที่ยวป่า ไปดูต้นไม้ ดอกไม้ แมลง ผีเสื้อ สัตว์ต่างๆ ได้เล่นซ่อนหาแอบหลังต้นไม้ใหญ่ ไปเที่ยวภูเขา พาไปดูแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำตก ลำธาร ลำคลอง ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะสร้างความรู้สึกรักและผูกพันกับธรรมชาติให้กับเด็กๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้งจะทำให้เด็กมีความสุขสนุกสนานและรู้สึกรักธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
2. จัดบริเวณบ้านให้มีพื้นที่ธรรมชาติ คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างสิ่งแวดล้อมในบ้านให้เด็กได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ ได้แก่ ควรมีพื้นที่สีเขียวในบ้าน เช่น ถ้าบ้านมีบริเวณก็สามารถปลูกต้นไม้ ปลูกหญ้า ปลูกดอกไม้ ปลูกผัก
หรือถ้าบ้านที่อยู่อาศัยเป็นคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้มีบริเวณมากนัก คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถปลูกต้นไม้ดอกไม้ในกระถาง ซึ่งเหล่านี้จะช่วยให้เด็กได้คุ้นเคยใกล้ชิดกับธรรมชาตินั่นเอง
3. ชวนกันปลูกต้นไม้ คุณพ่อคุณแม่สามารถจัดกิจกรรมการปลูกต้นไม้ร่วมกับลูกๆ ไม่ว่าจะเป็น ปลูกผัก ปลูกไม้ประดับ ปลูกไม้ยืนต้น โดยให้ลูกมีส่วนช่วยกันปลูก ช่วยรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ช่วยดูแลต้นไม้ในบ้าน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยปลูกฝังให้เด็กๆรักต้นไม้และเห็นว่าต้นไม้นั้นมีประโยชน์กับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยฟอกอากาศให้โลกเราให้ร่มเงา ให้ความร่มเย็น ให้ผล ดอก ใบ เป็นอาหารให้เรารับประทาน อีกทั้งให้ความสวยงามประดับประดาให้โลกมีสัสันสวยงาม ซึ่งกิจกรรมการปลูกต้นไม้นี้เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จะช่วยปลูกฝังให้เด็กเป็นคนรักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคตได้ดี
4. จัดกิจกรรมตั้งแคมป์ในป่าหรือบนภูเขา โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกไปตั้งแคมป์ในป่าหรือบนภูเขาเพื่อให้ลูกได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยกิจกรรมการตั้งแคมป์นี้จะช่วยให้เด็กๆจะได้สัมผัสดื่มด่ำกับบรรยากาศของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ได้เห็นความงดงามของธรรมชาติ ซึ่งกิจกรรมการตั้งแคมป์นี้เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ตอบสนองต่อธรรมชาติของเด็กในวัย8-12ปีโดยตรง เพราะเป็นวัยที่ชอบผจญภัยและตื่นเต้นกับสิ่งที่แปลกใหม่ท้าทาย ดังนั้นพวกเขาจะรู้สึกสนุกสนานและประทับใจกับกิจกรรมการตั้งแคมป์มาก
5.ปลูกฝังให้ลูกรักธรรมชาติผ่านนิทาน นอกจากนิทานจะช่วยให้เด็กสนุกสนานเพลิดเพลินแล้วยังช่วยฝึกในเรื่องของภาษาและช่วยพัฒนาจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กๆแล้ว นิทานยังช่วยปลูกฝังจริยธรรมและจิตสำนึกที่ดีในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กอีกด้วย โดยการที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเล่านิทานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับเด็ก เช่น นิทานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโทษของการตัดไม้ทำลายป่า , นิทานที่มีเนื้อหาสอนใจไม่ให้เด็กๆทิ้งขยะลงในทะเลและแม่น้ำลำคลอง , นิทานที่มีเนื้อหามุ่งเน้นให้เด็กรักและไม่รังแกสัตว์ ซึ่งนิทานที่มีเนื้อหาการอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยเตือนใจให้เด็กๆเป็นคนรักธรรมชาติและมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เพราะการดำรงชีวิตของคนเราเองผูกพันและพึ่งพาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและต่อเนื่องไปถึงอนาคต ดังนั้นการสอนให้คนเรารักธรรมชาติตั้งแต่วัยเด็กจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นการปลูกฝังรากฐานที่ดีในการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างฉลาดและมีคุณภาพ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สอนลูกในเรื่องอื่นๆแล้วก็อย่าลืมสอนลูกรักให้รักธรรมชาติกันด้วยนะคะ