xs
xsm
sm
md
lg

นายก-กก.“สถาบันอาชีวะ-วิทยาลัยชุมชน” โดนด้วยยื่นบัญชีทรัพย์สิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทปอ. นำทีมถกร่วมมหา’ลัยรอบ 2 หลัง ป.ป.ช. ขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สิน ยัน อธิการบดี-รองอธิการบดี ยื่นครบทุกคน ระบุ กรรมการสภาลาออกเหตุผลส่วนตัว ไม่ใช่ปกปิดทรัพย์สิน หรือเอี่ยวทุจริต ขณะที่กลุ่มสถาบันอาชีวะ-วิทยาลัยชุมชน เพิ่งรู้ตัวต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย

วันนี้ (19 พ.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมาการการอุดมศึกษา (สกอ.) ได้มีการประชุมหารือประเด็นประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดตำแหน่งนายกและกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 เป็นครั้งที่ 2 โดย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) กล่าวภายหลังหารือว่า ได้มีตัวแทน ทปอ. ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) อธิการบดีมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ สถาบันอาชีวศึกษา สังกัด สำนักงานคณะกรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) และ สถาบันวิทยาลัยชุมชน(วชช.)มาหารือกับประกาศ ป.ป.ช. อีกครั้ง หลังจากป.ป.ช. มีมติแก้ไขปัญหาให้ขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์และหนี้สินแก่นายก และกรรมการสภามหาวิทยาลัย รวมถึงตำแหน่งประธานสภา รองประธานสภา และกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า ไปอีก 60 วันจากเดิมกำหนดต้องยื่นภายในวันที่ 2 ธ.ค. 2561 เป็นในวันที่ 31 ม.ค. 2562 ซึ่งขณะนี้มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษา ว่า อธิการบดีและรองอธิการบดีไม่ยินยอมยื่นบัญชีทรัพย์สินตามที่กำหนด ซึ่งในความเป็นจริงอธิการบดีและรองอธิการบดีได้ปฏิบัติตามกฎหมายโดยยื่นบัญชีทรัพย์สินอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2560 แล้ว และที่ผ่านมา ทปอ. มีการแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าสนับสนุน ป.ป.ช. ในเรื่องที่อธิการบดีและรองอธิการบดีจำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินจึงอยากสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

ทั้งนี้ เฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับมหาวิทยาลัย ถ้านายกและกรรมการสภา ลาออก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายภายหลังจากการรับตำแหน่ง ซึ่งเป็นเหตุผลส่วนบุคคล ว่า แต่ละคนจะมีความพร้อมในการยื่นบัญชีทรัพย์สินอย่างถูกต้อง และครบถ้วนหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวกับการปกปิดทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตแต่อย่างใด และในการประชุมครั้งนี้กลุ่มสถาบันอาชีวะและวิทยาลัยชุมชนก็ได้เข้าร่วมหารือด้วยเพราะเพิ่งทราบว่า อาจจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

“ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ามีนายกและกรรมการสภา ยื่นลาออกไปจำนวนเท่าไร มีแต่ที่เล่าๆ กันมา แต่เท่าที่เห็นก็มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยก็พยายามวิงวอนขอให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ช่วยมหาวิทยาลัยต่อไป แต่คาดว่าจะรู้ตัวเลขที่ชัดเจนหลังจากที่มีการประชุมสภามหาวิทยาลัยไปแล้ว คาดว่าส่วนใหญ่จะประชุมในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ ทปอ. จะประสานขอเข้าพบคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อชี้แจงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากประกาศให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฉบับนี้ เพื่อหาหนทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาต่อไป” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว

ด้านนายจิตรนรา นวรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคณะปราบปรามการทุจริตภาค 2 กล่าวว่า ตามประกาศ ป.ป.ช. ได้กำหนดว่า “ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง” จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามประกาศ ซึ่งรวมถึงผู้บริหารที่มีตำแหน่งเทียบเท่าด้วย อย่างผู้อำนวยการสถาบันอาชีวศึกษา นั้นตาม พ.ร.บ. การอาชีวศึกษา กำหนดว่า เป็นตำแหน่งที่เทียบเท่ากับอธิการบดี รวมถึงรองผู้อำนวยการสถาบันอาชีวศึกษาก็เป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งกลุ่มนี้น่าจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน แต่ก็ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองว่าอยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องยื่นบัญชีด้วย เช่น นายก และกรรมการสภาสถาบันอาชีวศึกษา 23 แห่ง รวมถึงของ วชช. ด้วย ดังนั้น ผู้บริหารกลุ่มนี้จึงมาคุยกัน และเชื่อว่าหลังจากนี้กลุ่มอาชีวศึกษาจะออกมาแสดงท่าทีที่ชัดเจนขึ้น

“แม้สถาบันอาชีวศึกษาจะมีสถานะเทียบเท่าสถาบันอุดมศึกษา แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าบทบาทของ นายกและกรรมการสภาสถาบันอาชีวศึกษา มีหน้าที่ดูเรื่องทางวิชาการเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องงบประมาณ รวมถึงการโยกย้ายผู้บริหาร เพราะอำนาจส่วนนี้ถูกกำหนดไว้ที่ส่วนกลาง คือ สอศ. ดูแล ดังนั้น จึงเป็นอีกกรณีที่ ป.ป.ช.จะต้องมาทบทวนด้วย” นายจิตรนรา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น