xs
xsm
sm
md
lg

สร้างโรงงานกัญชาส่อวืด ติดต่างชาติยื่นขอสิทธิบัตร เหตุได้รับความคุ้มครอง แม้ยังไม่ได้ทะเบียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สร้างโรงงานกัญชาส่อวืด เหตุติดต่างชาติยื่นคำขอสิทธิบัตรกัญชา “หมอจุฬาฯ” จี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ยกเลิกจดทะเบียน เหตุผิดกฎหมายตั้งแต่แรก หากปล่อยตามกระบวนการ จะติดการคุ้มครองมาตรา 36 แม้ยังไม่ได้รับสิทธิบัตร ด้าน อภ.กังวลหนัก หลังอนุมัติงบแล้ว 120 ล้านบาท เหตุยังไม่มีความชัดเจน จ่อให้นักกฎหมายศึกษา

วันนี้ (12 พ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการประชุมคณะกรรมการปฏิรูประเทศด้านสาธารณสุข โดยมี นพ.เสรี ตู้จินดา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ซึ่ง นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) กรรมการปฏิรูปฯ และ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการปฏิรูปฯ เสนอต่อที่ประชุมเกี่ยวกับประเด็นสิทธิบัตรกัญชา

เวลา 11.00 น. ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า หน้าที่หนึ่งของคณะกรรมการปฏิรูปด้านสาธารณสุข คือ ทำอย่างไรให้คนไทยได้ประโยชน์จากการใช้สมุนไพร ซึ่งกัญชาถือเป็นพืชที่มีสารสำคัญในธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้บำบัดรักษาโรคได้ คณะกรรมการปฏิรูปฯ จึงเห็นว่า ต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย เนื่องจากการรับยื่นคำขอสิทธิบัตรกัญชา เมื่อพิจารณาแล้วมีความผิดชัดเจนตั้งแต่ ม.9(1) ห้ามยื่นสิทธิบัตรสารธรรมชาติในกัญชา และ ม.9(4) ห้ามยื่นสิทธิบัตร ที่เป็นการถือสิทธิในการใช้บำบัดโรค แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กลับฝ่าฝืนตรงนี้ ดังนั้น คณะกรรมการปฏิรูปฯ เห็นว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาต้องมีความชัดเจนกว่านี้ ซึ่งจากที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอชี้แจง ถามว่า แถลงแบบนี้ได้อย่างไร บอกว่า ปฏิเสธการรับคำขอสิทธิบัตรไม่ได้ ทำไมจะปฏิเสธไม่ได้

“ส่วนตัวผมมีความเห็นว่า 1. ไม่ควรรับจด เพราะเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายในประเทศไทย ตราบใดที่ พ.ร.บ. ยังไม่ได้แก้ไขเป็นอย่างอื่น 2. พ.ร.บ.สิทธิบัตร ม.9(1) ระบุว่า “สารสกัดจากพืชรับจดสิทธิบัตรไม่ได้” การรับจดจึงผิดกฎหมายนี้ด้วย และ 3. เมื่อกรมฯไปรับการยื่นขอจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว จะมีทางออกอย่างไร แนะนำให้ใช้อำนาจอธิบดียกเลิกในขั้นตอนขอจดทะเบียนไปก่อน แทนที่จะปล่อยให้ไหลไปตามกระบวนการขั้นตอน ที่สำคัญ เรื่องนี้ไม่ต้องคิดมากเลย เพราะผิดตั้งแต่ต้น ก็ต้องเป็นโมฆะตั้งแต่ต้นแล้ว” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวและว่า เรื่องนี้ถ้าไม่ได้ข้อสรุปจริงๆ ทั้ง อภ. และศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล ควรยื่นฟ้องศาลเพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้น ก็จะทำการศึกษาหรือสกัดสารกัญชาทางการแพทย์ไม่ได้ เพราะติดสิทธิบัตร

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ส่วนถ้อยคำแถลงของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่บอกว่า ไม่ส่งผลกระทบใดๆ จริงๆ ไม่ใช่ เพราะหากพิจารณาตัว พ.ร.บ. สิทธิบัตร จะทราบทันที ว่า มี ม.36 ระบุว่า ได้รับการคุ้มครองแล้ว แม้จะยังไม่ได้รับเลขสิทธิบัตร ดังนั้น ในระยะเวลา 5 ปี ที่เป็นช่วงการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ว่า มีความใหม่หรือไม่นั้น แต่ช่วงระยะเวลานี้ก็ถือว่าได้รับการคุ้มครองไปแล้ว ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์ ถามว่า ใครจะมาวิจัยพัฒนาอีก เพราะเสี่ยงว่าจะทำไปเพื่ออะไร เนื่องจากใครจะยืนยันว่า เมื่อกฎหมายให้ใช้ทางการแพทย์ได้ และมีการพัฒนาจนเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ทางการแพทย์ที่มีการควบคุม แต่สุดท้ายติดสิทธิบัตร ที่ลงทุนไปทั้งหมดใครรับผิดชอบ อันนี้ไม่ใช่เสียหายแค่เรื่องงบประมาณ แต่จะเสียหายตรงผู้ป่วยเสียโอกาสการรักษาด้วย

ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มอบให้ทางฝ่ายกฎหมาย อภ. พิจารณาว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะจากถ้อยคำแถลงออกมา ก็ยังไม่มั่นใจว่า จะส่งผลกระทบหรือไม่อยู่ดี อย่างตอนนี้บอร์ด อภ. อนุมัติงบไปแล้ว 120 ล้านบาท แม้จะยังไม่ได้ใช้ แต่ตามขั้นตอน ผอ.อภ. จะต้องไปแจงต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เกี่ยวกับการใช้งบดังกล่าว เพราะมีการเปลี่ยนแปลงใช้งบ จากเดิมเป็นงบผลิตยาทั่วไป แต่เปลี่ยนมาใช้ในเรื่องโรงงานสกัดสารกัญชาทางการแพทย์ ส่วนเครื่องสกัดสารกัญชาที่จะนำเข้าจากต่างประเทศนั้นใช้งบ 8 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำทีโออาร์ ซึ่งหากซื้อเข้ามาแล้วใช้ไม่ได้ ก็คงต้องนำมาใช้สกัดอย่างอื่น ซึ่งทำได้ แต่ไม่ดีเท่าสกัดสารกัญชา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องชะลอการใช้งบประมาณไปก่อนหรือไม่ เพราะอาจจะติดสิทธิบัตร นพ.โสภณ กล่าวว่า ก็กังวลอยู่ จึงให้นักกฎหมายช่วยกันระดมความคิดเห็นและสอบถามผู้รู้ เพราะแม้กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะบอกว่าไม่เป็นอะไร และไม่ให้สิทธิบัตรสารธรรมชาติในกัญชา แต่ความเป็นจริงก็มีการรับยื่นคำขอไปแล้ว ตนก็กังวลว่า ถ้าไม่ชัดเจน หรือไม่มีหนังสือใดๆ อย่างเป็นทางการจะส่งผลกระทบหรือไม่ หากส่งผลกระทบก็ต้องชะลอเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ยืนยัน เพราะไม่มีความชัดเจนเลย อยากให้ผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกฎหมายท่านใดออกมาให้ความชัดเจนเรื่องนี้ เพราะการสร้างโรงงานสกัดสารกัญชา ใช้งบ 120 ล้านบาท ทุกอย่างต้องมีความชัดเจน ไม่เช่นนั้นกระทบต่อประเทศชาติแน่ๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น