xs
xsm
sm
md
lg

เปิด 2 นวัตกรรมรักษา “โรคหืด” ชูส่องกล้อง-วัคซีนไรฝุ่น ลดอาการหอบรุนแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เปิด 2 นวัตกรรมรักษา “โรคหืด” ได้ผลดี ชูส่องกล้องรักษาช่วยลดอาการรุนแรงของโรคลง ลดการใช้ยา จนใช้ชีวิตปกติได้ และการใช้ “วัคซีนไรฝุ่น” ชนิดอมใต้ลิ้น ช่วยร่างกายมีภูมิต้านทาน ลดการเกิดสารก่อภูมิแพ้ในร่างกาย ต้องใช้วันละ 1 เม็ด เป็นเวลา 3 ปี เป็นทางเลือกการรักษา ช่วยหยุดยาราคาแพงได้

ศ.นพ.สมเกียรติ วงษ์ทิม นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหืด พ.ศ.2562 มีการระบุถึงนวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ ทั้งวิธีการรักษาโรคหืดด้วยวิธีการส่องกล้อง และการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งในส่วนของการรักษาด้วยการส่องกล้องนั้น เริ่มนำมาใช้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพียงแห่งเดียวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยรักษาแล้วในผู้ป่วยมากกว่า 10 ราย ถือว่ามีการรักษามากที่สุดภายในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ โรคหืดเกิดจากหลอดลมตีบแคบ กล้ามเนื้อหลอดลมหนาตัวขึ้น ไวต่อสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เป็นต้น ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง การส่องกล้องจึงเป็นการช้ความร้อนเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว ซึ่งภายหลังการรักษาด้วยวิธีการส่องกล้องช่วยให้ผู้ป่วยเหมือนเปลี่ยนชีวิตใหม่ ช่วยลดความรุนแรงของอาการลงได้ จากเดิมที่ออกจากบ้านไม่ได้ ต้องใช้ยาสเตียรอยด์จำนวนมาก ทั้งแบบกินและยาพ่น ภายใน 1 เดือนหลังรักษาสามารถใช้ชีวิตได้เกือบปกติ ลดการใช้ยาลง แต่วิธีดังกล่าวจะทำในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจริงๆ คือ ไม่สามารถควบคุมอาการได้ มีอาการหอบทุกวัน เข้าห้องฉุกเฉินมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ใช้ยาระดับ 4-5 ที่เป็นระดับสูงสุดแล้ว และสมรรถภาพของปอดต่ำกว่า 80% เมื่อเทียบกับคนทั่วไป

นพ.ธิติวัฒน์ ศรีประสาธน์ อายุรแพทย์โรคปอด รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงการส่องกล้องรักษาโรคหืด ว่า ขณะนี้มีการดำเนินการที่ รพ.จุฬาฯ ให้การรักษาผู้ป่วยแล้ว 15 ราย และกำลังให้การรักษาอีก 2 ราย โดยผู้ป่วยที่จะใช้วิธีนี้รักษา จะเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก เช่น ทุก 1-2 เดือน ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน 5-6 ครั้ง เคยใส่เครื่องช่วยหายใจ ได้รับยาสเตียรอยด์ในการรักษาจำนวนมาก ไม่สามารถลดยาได้ หากลดยาจะเกิดอาการหอบ เป็นต้น โดยการส่องกล้องจะใช้ความร้อนทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวไป โดยจะต้องทำทั้งหมด 3 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3 สัปดาห์ คือ ครั้งแรกทำที่ปอดขวาด้านล่างก่อน เว้น 3 สัปดาห์แล้วมาทำปอดซ้ายด้านล่าง เว้นอีก 3 สัปดาห์แล้วจึงทำที่ปอดด้านบนทั้ง 2 ข้าง ซึ่งผลการรักษาถือว่าตอบสนองดีมาก ช่วยให้อาการรุนแรงลดลง ลดการใช้ยาต่างๆ ลงได้ โดยเฉพาะยาฉีดที่ราคาหมื่นกว่าบาทต่อเข็ม คุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปห้องฉุกเฉินบ่อยครั้ง แต่ยังคงต้องใช้ยาพ่นรักษาอาการอยู่และต้องดูแลหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น นอกจากนี้ ในกลุ่มคนที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง อาการก็ดีขึ้นจนสามารถลดยาโรคเรื้อรังได้ ซึ่งอนาคตก็คงต้องขยายการรักษาไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ

ศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล นายกผู้รั้งสมาคมสภาองค์กโรคหืดฯ และผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านโรคภูมิแพ้ โรคหืด และระบบหายใจ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า หนึ่งในการรักษาโรคหืดแบบไม่ใช้ยา คือ การรักษาด้วยวัคซีน ซึ่งต่างประเทศมีการใช้กันมากแล้ว โดยเฉพาะแถบสหรัฐอเมริกาและยุโรป ส่วนของประเทศไทยจริงๆ มีวัคซีนไรฝุ่นชนิดฉีด ซึ่งมีมา 10 กว่าปีแล้ว โดยจะต้องฉีดทุกสัปดาห์เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน และฉีดเดือนละครั้งเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งเมื่อก่อนมักไม่ค่อยใช้ในคนไข้หอบหืด เพราะเหมือนเราแพ้อะไรแล้วเราฉีดเข้าไปก็อาจมีผลข้างเคียงเยอะ อาจแพ้วัคซีนได้ ซึ่งขณะนี้มีวัคซีนไรฝุ่นชนิดอมใต้ลิ้น เพิ่งเข้ามาในประเทศไทยประมาณ 4 เดือน โดยจะต้องอมใต้ลิ้นทุกวันวันละ 1 เม็ด 3 ปี ทำให้หายได้ โดยเมื่อหยุดวัคซีนแล้ว จะมีผลในการป้องกันไปอีกเป็น 10 ปี

“วัคซีนจะเข้ามาเปลี่ยนระบบภูมิคุ้มกัน จากที่แพ้ไรฝุ่น โดยทำให้คนไข้ผลิตสารก่อภูมิแพ้ออกมาจำนวนมาก พอร่างกายเจอสารก่อภูมิแพ้อาการโรคหอบหืดก็กำเริบ วัคซีนจะไปเปลี่ยนสวิตช์ของร่างกายให้มีภูมิต้านทานต่อไรฝุ่นขึ้นมา เป็นการลดสิ่งที่แพ้ เป็นการเปลี่ยนโดยสายเลือด ซึ่งยารักษาหอบหืดแค่เป็นการคุมไม่ให้หลอดลมอักเสบ แต่ไม่ได้รักษาที่ต้นทาง ดังนั้น เมื่อแพ้ไรฝุ่นก็ต้องให้ไรฝุ่นไป ให้ทีละนิดหน่อย ค่อยๆ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมา แต่วัคซีนชนิดฉีดจะเสี่ยงตรงที่ว่า เมื่อแพ้ไรฝุ่นแล้วฉีดไรฝุ่น บางคนอาจแพ้รุนแรงได้ แต่ชนิดอมใต้ลิ้นเป็นการลดผลข้างเคียงจากแบบฉีด” ศ.พญ.อรพรรณ กล่าว

ศ.พญ.อรพรรณ กล่าวว่า การจะใช้วัคซีนไรฝุ่น จึงต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนว่า แพ้ไรฝุ่นจริงหรือไม่ ขณะนี้มีการใช้วัคซีนรักษาแล้วในผู้ป่วย 7 ราย แต่ยังเป็นระยะเริ่มต้นที่เพิ่งนำเข้ามาใช้จึงยังต้องรอผลการรักษา แต่สำหรับผู้ป่วยรายแรกในประเทศไทยที่ใช้วัคซีนนี้รักษานั้น พบว่า เดิมป่วยโรคหอบหืดมา 15 ปี มีอาการหอบมากต้องนอนโรงพยาบาลทุกสัปดาห์ ใช้ยาเป็นสิบตัว ต้องฉีดยาเข็มละ 4 หมื่นบาททุกเดือน เสียค่าใช้จ่ายมาก และหยุดยาไม่ได้ ถ้าหยุดยาก็จะหอบ ซึ่งโชคดีที่ว่าทดสอบแล้วแพ้ไรฝุ่น จึงนำมาสู่การรักษาโดยใช้วัคซีน ซึ่งหลังอมใต้ลิ้นทุกวันเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ ก็สามารถลดยา และหยุดยาฉีดแพงๆ ได้ ตอนนี้เหลือใช้ยาแค่ตัวเดียว ถือเป็นทางเลือกให้คนไข้ ซึ่งราคาวัคซีนชนิดอมใต้ลิ้นนั้น รพ.รัฐ จะอยู่เม็ดละ 150 บาท ซึ่งมักจะดำเนินการในเคสที่อาการรุนแรง เพราะต้องเสียค่ายาหลายหมื่นบาทอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่อาการไม่รุนแรงแต่อยากหาย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้ยาไปตลอด เพราะแม้จะไม่มีอาการก็ต้องใช้ยา ก็สามารถเลือกใช้วิธีนี้รักษาได้ แต่ก็ต้องยอมรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น