xs
xsm
sm
md
lg

จิตแพทย์ ชี้ เด็ก 13 ปี เล่นเกมจนช็อกส่ง รพ.เข้าข่ายติดเกมรุนแรง ยันต้องคุมอี-สปอร์ต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จิตแพทย์ ชี้ เด็กอายุ 13 ปี ติดเกมหนักไม่กิน ไม่นอน จนช็อกหามส่ง รพ.น่าน เป็นภาวะติดเกมขั้นรุนแรง เตือนเป็นอุทาหรณ์ แนะยึดหลัก 3 ต้อง 3 ไม่ ห่วงเด็กและวัยรุ่นติดเกมมากขึ้น ควรควบคุมกติกา อี-สปอร์ต ให้ชัด

วันนี้ (3 พ.ย.) นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีเด็กอายุ 13 ปี ติดเกมหามรุ่งหามต่ำ ไม่กิน ไม่นอน จนร่างกายช็อก ใจสั่น แม่ต้องหามส่งโรงพยาบาลกลางดึกที่ รพ.น่าน ว่า ถือเป็นภาวะขั้นรุนแรงของการติดเกม ซึ่งเป็นการเสพติดพฤติกรรม คล้ายกับการติดสารเสพติด ซึ่งการติดเกมนั้นทำให้สูญเสียการใช้ชีวิตประจำวัน เสียการเรียน เสียงาน ไม่กินไม่นอนกระทบสุขภาพ โดยเฉพาะปัจจุบันพบว่า เด็กและวัยรุ่นมีการติดเกมมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่สมองส่วนควบคุมความคิดยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้สมองส่วนอยากทำงานได้มากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กังวลมาก โดยเฉพาะตอนนี้มีเรื่องของ อี-สปอร์ต เข้ามา สธ.และเครือข่ายจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ในการปกป้องเด็กจากการจติดเกม และมีข้อเรียกร้องให้พิจารณาควบคุมเรื่องของ อี-สปอร์ต ต้องมีกติกาอย่างชัดเจน

นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า การเล่นเกมมีข้อนำ คือ “3 ต้อง 3 ไม่” คือ 1. ต้องกำหนดเวลาเล่นไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน 2. ต้องตกลงโปรแกรมและเลือกประเภทเกมให้ลูก เช่น เกมบริหารสมอง ลดเกมที่เสี่ยงความก้าวร้าวอย่างการฆ่ากันยิงกัน พ่อแม่ต้องอยู่ด้วย 3. ต้องเล่นกับลูก เพื่อสอนให้คำแนะนำกันได้ ส่วน “3 ไม่” ได้แก่ 1. พ่อแม่ไม่เล่นเป็นตัวอย่าง 2. ไม่เล่นในเวลาครอบครัว และ 3. ไม่เล่นในห้องนอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแต่ละครอบครัวมีภาระหน้าที่แตกต่างกัน บางบ้านอาจจะไม่สามารถอยู่ดูแลลูกๆ ได้ตลอด ดังนั้น ครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องเวลา อาจจะต้องมีการพูดคุยกับครู ว่าอาจจะมีการส่งเสริมให้เด็กได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ เพื่อทดแทนการเล่นเกมได้

“ฝากเรื่องนี้ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับครอบครัวต่างๆ ได้คิดให้มากหากจะปล่อยเด็กกับการเล่นเกม อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น ทางกรมสุขภาพจิตได้มีการจัดทำแบบประเมินการติดเกิมเอาไว้ สามารถเข้าไปรับการประเมินได้ที่เว็บไซต์ของกรมได้ แต่หลักๆ คือ หากเล่นเดิมมากกว่า 2 ชั่วโมงและสูญเสียการทำหน้าที่ประจำวันไปแล้วควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย ปรับพฤติกรรม” นพ.ยงยุทธ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น