แพทย์แผนไทยเสนอขยายคำจำกัดความ “สารสกัดกัญชา” ห่วงเปิดช่องแค่น้ำมัน ชี้ แพทย์แผนไทยมีทั้งสกัดแบบยาน้ำและทิงเจอร์ ด้าน อย.พร้อมนำไปหารือ ยันออกประกาศปลดล็อกไม่ขัด กม.ใหญ่ของ สนช. จ่อขอมติ คกก.ยาเสพติดวันที่ 9 พ.ย. ก่อนร่างและเสนอ รมว.สธ.ลงนามใน พ.ย.นี้
วันนี้ (1 พ.ย.) นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการออกประกาศยกระดับสารสกัดน้ำมันกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 มาเป็นประเภท 2 อาจขัดกับร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติด ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอ ว่า ยืนยันว่า ต้องมีการปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์แน่นอน อย่างการออกประกาศก็เป็นการปลดล็อกเล็กๆ แต่ได้มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปหารือกันให้ตกผลึก ซึ่งจะเอาให้ถูกใจทุกคนคงเป็นไปไม่ได้ ขอลดอัตราของแต่ละคนลง
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เพื่อยกระดับสารสกัดน้ำมันกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 2 ก็เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ได้ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มิเช่นนั้น อาจต้องรอกฎหมายใหม่เลย อย่างไรก็ตาม หากกฎหมายใหญ่ออกมาแล้วมีส่วนใดที่ประกาศกระทรวง ยังมีความติดขัดก็สามารถปรับแก้ได้ แต่เท่าที่พิจารณาแล้วการออกประกาศก็ไม่ขัดกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และทำมาก่อนเพื่อให้ในระยะอันสั้นสามารถใช้กัญชาทางการแพทย์ได้
นพ.ธเรศ กล่าวว่า วันที่ 9 พ.ย. จะมีการประชุมคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เพื่อขอมติเรื่องการออกประกาศ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติก็เข้าสู่กระบวนการร่าง และเสนอ รมว.สาธารณสุข ลงนาม ได้ภายใน พ.ย.นี้ ซึ่งต้องย้ำว่าประกาศนี้ก็เพื่อเปิดให้มีการใช้ในไทยได้ โดยส่วนของไทยทราบว่ามีการศึกษาทดลองกัน เช่น องค์การเภสัชกรรม (อภ.) และ มหาวิทยาลัยรังสิต สำหรับข้อกังวลว่าจะกระทบกับการแพทย์แผนไทย เบื้องต้นจากการหารือร่วมกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พบว่า ตำรับยามีการใช้ในรูปแบบของน้ำมันกัญชาที่ได้จากการสกัดในรูปแบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังต้องมีการหารือร่วมกันต่อไป ส่วนเรื่องการใช้ใบ ดอก ยอมรับว่า อาจจะติดกฎหมายอยู่
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า หากประกาศกระทรวงฯ ตีความเรื่องสารสกัดที่ให้ได้ในรูปของน้ำมัน ก็จะทำให้ตำรับยาแพทย์แผนไทยที่เข้าข่าย มีเพียงสูตรตำรับสนั่นไตรภพ ซึ่งเป็นน้ำมันทาแก้ขับลมช่องท้อง ส่วนสูตรอื่นๆ ก็จะไม่ได้ คงต้องรอกฎหมายใหญ่ในการปลดล็อก แต่ขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้ทาง อย. พิจารณาเพื่อขอขยายคำจำกัดความของ “สารสกัด” ให้ครอบคลุมแพทย์แผนไทยมากขึ้น อย่างสารสกัดจากการต้มก็จะออกมาในรูปของยาน้ำ สารสกัดจากการกลั่นด้วยแอลกอฮอล์ ซึ่งทางเภสัชกรรมจะเรียกว่าทิงเจอร์ โดยจะไม่เหลือกากจากดอกไม้ เพราะ อย. กังวลในเรื่องการเหลือชิ้นส่วนพวกนี้ กลัวว่าจะมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ แต่หากใช้ตามรูปแบบดังกล่าวก็จะไม่มีกาก ซึ่งก็จะทำให้ตำรับยาแพทย์แผนไทยขยายกว้างขึ้น
“ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แพทย์แผนไทยได้เสนอขอขยายคำจำกัดความสารสกัดจากกัญชาแก่ อย.ไปแล้ว ซึ่งทางเลขาธิการ อย.รับเรื่องไว้พิจารณา ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษในวันที่ 9 พ.ย.นี้ แต่หากไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องรอตัวกฎหมายใหญ่ ซึ่งจะครอบคลุมขึ้น” นพ.ขวัญชัย กล่าว
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวถึงข้อกังวลปลดล็อกกัญชา จะทำให้ประเทศไทยผลิตยาจากสารสกัดกัญชาได้ยากขึ้น เพราะมีเงื่อนไขมากมาย อาจต้องนำเข้าสารจากต่างประเทศ ว่า การขึ้นทะเบียนเป็นยาต้องมีมาตรฐาน แต่หากมีโรคที่พิสูจน์ชัดเจน มีสูตรยาชัดเจนก็จะขึ้นยาเหมือนทะเบียนยาอื่นที่มีการขึ้นทะเบียน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มของยาที่ยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนแต่เป็นยาที่มีการกำหนดขนาดการใช้อย่างชัดเจนนั้น ก็อาจจะผ่านแต่ต้องมีการกำหนดผู้ดูแล ผู้ใช้ให้ชัดเจน โดยให้ อย.เป็นคนจำหน่าย หรืออาจเป็นผู้นำเข้าเพื่อจำหน่าย เป็นต้น
“ขณะนี้ยาที่ได้จากกัญชาที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ 2 ยี่ห้อ เป็นยารักษาอาการคลื่นไส้อาเจียนในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับผลข้างเคียงจากการทำคีโม ซึ่งจะเป็นสเปรย์ หากมีอาการคลื่นไส้ก็พ่น และการรักษาโรคลมชัก แต่ต้องดูเรื่องราคาและกลุ่มผู้ใช้ ว่า มีคนใช้หรือไม่ อย.จึงจะสั่งเข้ามา แต่หากมีราคาสูงและมีผู้ผลิตในประเทศอาจมีราคาถูกลง ซึ่ง อย.ก็อาจจะนำมาจำหน่าย โดยจะเป็นการดำเนินการภายหลังการยกระดับแล้ว หากจะนำเข้าและขึ้นทะเบียนได้เร็ว อภ.ก็สามารถนำเข้าได้หากมีผู้ป่วยต้องการ โดยให้ อย.เป็นผู้จำหน่าย” นพ.สุรโชค กล่าว