กทม.จับคนฝ่าฝืนขับขี่-จอดรถบนทางเท้ารวมกว่า 8 พันราย ตั้งแต่ช่วง พ.ค. 61 จับปรับจริงแล้ว 5 พันราย ลั่นหากยังฝ่าฝืนจ่อเพิ่มค่าปรับมากกว่า 500 บาท เผย คนฝ่าฝืนมักพบในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน วินมอเตอร์ไซค์ทำผิดมากในจุดขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้า
วันนี้ (22 ต.ค.) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการประสานงานติดตามนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะทำงานตรวจติดตามแผนการทำความสะอาดท่อระบายน้ำและการขุดลอกคู คลอง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ประจำกลุ่มการปฏิบัติงานสำนักงานเขตกลุ่มกรุงเทพเหนือ ว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจราชการพร้อมให้นโยบายในเรื่องรถจอดและวิ่งบนทางเท้า ซึ่งทางผู้ว่าฯ กทม.ก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ การประชุมในวันนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกเขตเข้มงวดกวดขันในจุดจับปรับที่กำหนดไว้ ซึ่งของเดิมกำหนดไว้ 115 จุด และกำลังจะเพิ่มอีก 155 จุด จุดที่กำหนดให้แต่ละจุด ขอให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขัน จับปรับอย่างจริงจัง
นายสกลธี กล่าวว่า กทม.ได้เริ่มดำเนินการจับปรับมาตั้งแต่ พ.ค. 2561 แต่ก็ยังมีผู้ฝ่าฝืนมาโดยตลอด จากสถิติที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดฝ่าฝืนขับขี่หรือจอดรถบนทางเท้าได้ประมาณ 8,000 ราย โดยจำนวน 3,000 ราย เป็นการตักเตือน เพราะอยู่ในช่วงแรกของการเริ่มโครงการ ส่วนจำนวน 5,000 ราย ได้ทำการจับปรับจริง ซึ่งหลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเข้มงวดมากขึ้นต่อไป” นายสกลธี กล่าว
“กทม.ได้ดำเนินโครงการจับจริง ปรับจริงตั้งแต่ พ.ค. 2561 แต่ยังคงมีผู้ฝ่าฝืนให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าหลังจากมีการเข้มงวดกวดขันดำเนินการจับปรับจริง ผู้ฝ่าฝืนน่าจะลดน้อยลง แต่หากยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ กทม.อาจมีความจำเป็นต้องพิจารณาเพิ่มอัตรา ซึ่งเดิม กทม.กำหนดไว้ที่ 500 บาท ทั้งนี้ พื้นที่ที่พบผู้ฝ่าฝืนส่วนมากจะเป็นกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่มีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า ที่มีจักรยานยนต์รับจ้างที่มารอรับผู้โดยสารบริเวณทางเข้าออกของสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งมีจุดกลับรถอยู่ไกล ทำให้จักรยานยนต์รับจ้างฝ่าฝืนเพื่อความสะดวกสบายเป็นจำนวนมาก” นายสกลธี กล่าวและว่า สำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถ้าเป็นจุดที่ กทม.กำหนดไว้จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตั้งเช้าไปถึงเย็น แต่จุดอื่นที่นอกเหนือจากที่กำหนด จะมีการสุ่มตรวจ และจุดใดถ้ามีประชาชนร้องเรียนเข้ามา กทม.ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบดูแลต่อไป
