คลอดหลักเกณฑ์ “กองทุนสุขภาพตำบล” ฉบับใหม่ เพิ่มวงเงินครุภัณฑ์โครงการเป็น 10,000 บาท นำรายได้ตามขนาด อปท.มาเป็นเกณฑ์กำหนดอัตราสมทบ ปลดล็อกวงเงินหนุนศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ผู้สูงอายุ หวังลดเงินคงเหลือในกองทุน สปสช.เชื่อช่วย อปท.รุกงานสุขภาพท้องถิ่นมากขึ้น
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์เพื่อสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ มุ่งส่งเสริมบทบาทกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น ทั้งประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุข จัดทำแผนสุขภาพชุมชน ส่งเสริมสุขภาพให้มีมาตรการและกติกาทางสังคม พัฒนาการบริหารจัดการกองทุนให้มีธรรมาภิบาล สร้างความเป็นเจ้าของกองทุน และจัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อกับสุขภาพของคนในชุมชน
พร้อมสนับสนุนแนวทางดำเนินกิจกรรมกองทุนใน 5 ประเภท คือ 1. การจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ สถานบริการ หรือหน่วยงานสาธารณสุข 2. การจัดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรคขององค์กรหรือกลุ่มประชาชน หรือหน่วยงาน 3. การจัดบริการสาธารณสุขของศูนย์เด็กเล็กหรือศูนย์ที่ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในชุมชน หรือการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุหรือคนพิการในชุมชน 4. สนับสนุนค่าใช้จ่ายบริหารหรือพัฒนากองทุนหลักประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพของ อปท.ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินรายรับกองทุน และ 5. สนับสนุนและส่งเสริมกิจกรรมกรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติในพื้นที่ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขตามความจำเป็น เหมาะสม และทันต่อสถานการณ์
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สาระสำคัญของประกาศฉบับใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม อาทิ ปรับถ้อยคำให้ชัดเจนและเอื้อต่อการดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนมากขึ้น, เพิ่มวงเงินค่าครุภัณฑ์ที่ต้องใช้ในโครงการขององค์กรหรือกลุ่มประชาชนเป็น 10,000 บาท, ยกเลิกการกำหนดบทยุบเลิกกองทุน เป็นการใช้มาตรการทางบริหารกำกับ ติดตามและกระตุ้นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง, นำรายได้ตามขนาด อปท.มาเป็นเกณฑ์กำหนดอัตราสมทบ, ยกเลิกกำหนดวงเงินไม่เกินร้อยละ 15 ในการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เพื่อลดการมีเงินคงเหลือในกองทุน และการยกเลิกการกำหนดอัตราชดเชยค่าบริการการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (Long Term Care: LTC) เพื่อไม่ให้เป็นข้อจำกัดเกี่ยวกับอัตราชดเชยและรองรับกรณีมีการเพิ่มวงเงินในการสนับสนุนในอนาคต โดยให้เป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการ LTC เป็นต้น
“ประกาศฉบับนี้ เชื่อว่า จะส่งผลให้ อปท.ทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการดำเนินงานกองทุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีความชัดเจนในทางปฏิบัติและเป็นไปทิศทางเดียวกัน รองรับการเบิกจ่ายกองทุนให้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง นำไปสู่การสร้างประโยชน์ด้านสุขภาพให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัยอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่นฯ จากนี้ไป จะเป็นส่วนสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นและชุมชนในอนาคต เพื่อร่วมดูแลสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนทั่วประเทศต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว